admin

-ปัญหาเรื่อง ปวดเข่า ข้อเข่าเสื่อม เป็นปัญหาที่พบบ่อย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในผู้สูงอายุ … สิ่งที่คุณหมอ แนะนำ ในการดูแล แก้ไข และ ป้องกัน การปวดเข่า คือ การบริหารเข่า และ ท่าบริหารมาตรฐาน คือ ขณะนั่งอยู่ ยกปลายเท้าขึ้นให้ขนานกับพื้น ค้างไว้ 5-10 วินาที แล้ววางลง ทำซ้ำ ทั้ง 2 ข้าง (ดังรูป) … วิธีการบริหารแบบนี้ เป็นการบริหารที่ถูกต้องตามหลักวิชาการ และ ได้ผลดีมาก … เพราะ กล้ามเนื้อที่ยึดประคองเข่าให้แข็งแรง และ เคลื่อนที่ได้ โดยไม่ถูกกระแทก มี Quadriceps อยู่ด้านหน้า และ Hamstrings อยู่ด้านหลัง กล้ามเนื้อทั้ง 2 ชุด จะทำงานประสานกัน ประคองให้เข่าเคลื่อนที่ได้อย่างปกติ ดังนั้น หากกล้ามเนื้อทั้ง 2 ขุด […]

-มีเรื่องเล่าในหมู่แพทย์ เกี่ยวกับโรค มาเลเรีย หรือ ไข้จับสั่น ซึ่ง เกิดจากเชื้อมาเลเรีย ที่แพร่มาผ่านยุงก้นปล่องกัด หรือที่เรียกว่า ไข้ป่า เป็น โรคที่ถูกยุงกัด และนำเชื้อแพร่จากคนป่วยคนหนึ่ง ไปยังอีกคนหนึ่ง โดยที่มีเชื้อปนอยู่ในเม็ดเลือดแดง .. การเกิดโรคคือ เชื้อจะแทรกเข้าไปในเม็ดเลือดแดงและโตเพิ่มจำนวนขึ้นอย่างรวดเร็ว จากนั้น ก็จะทำให้เม็ดเลือดที่มีเชื้อยู่เต็มไปหมด แตกออก เซลล์เม็ดเลือดแดงนั้นก็ตายไป และ เชื้อจากเม็ดเลือดที่แตกออก ก็แทรกตัวเข้าไปในเม็ดเลือดแดงอื่นๆ เพื่อโตต่อไป … ตอนที่เม็ดเลือดแตกออกมากๆ จะทำให้มีไข้ หนาวสั่น และ ที่ตามมาก็คือ เลือดจาง (เพราะเม็ดเลือดแตก) ตับและไต ต้องทำงานหนัก เพราะ กำจัดซากเม็ดเลือดแดง และ ขับของเสียออก บางครั้ง หากมีการแตกของเม็ดเลือดแดงจำนวนมากพร้อมๆกัน อาจจะทำให้ ซีด ช็อค ตับ และ ไตวายได้ และหากขึ้นสมองก็ เกิดอาการชักได้ครับ -การรักษา จะไม่ยุ่งยากนัก เพราะมียารักษาได้ แต่ จะต้องวินิจฉัยโรคให้ได้ก่อน

-เรามักจะรู้สึกว่า คนอ้วน น่าจะมีเซลล์ไขมันมากกว่าคนปกติ และ เวลาลดความอ้วน เซลล์ไขมันน่าจะลดลง… มาดูข้อเท็จจริงกันครับ -เซลล์ไขมันในร่างกายของคนเรา มีหน้าที่เก็บไขมัน ซึ่งแปลงมาจากแป้งและน้ำตาล ที่เราเหลือใช้ (กินมากกว่าใช้) มาเก็บในรูป ไตรกลีเซอไรด์ เป็นส่วนสะสมอยู่ในเซลล์ไขมัน หากไขมัน ไม่ได้ถูกนำออกไปใช้เป็นพลังงาน  เซลล์ไขมันจะมีขนาดโตขึ้นเรื่อยๆ และ เมื่อลดความอ้วน เอาไขมันไปใช้ เซลล์จะตัวเล็กลง แต่ จำนวนเซลล์ไขมันในร่างกายเท่าเดิม ไม่ได้น้อยลง … นี่คือ ต้นเหตุของ Yoyo effect ที่เมื่อลดความอ้วนแล้ว เผลอแพลบเดียว ก็กลับมาอ้วนใหม่ เพราะ เรายังมีปริมาณ เซลล์ไขมันในร่างกายเท่าเดิม -เซลล์ไขมันมีโอกาส ลดลง หรือ ตายไปไหม … มีครับ ลักษณะการตายของเซลล์ไขมัน จะเป็นเหมือนมีการอักเสบเกิดขึ้น และ เซลล์ตายไป แต่ กลไกตามธรรมชาติ จะมีการกระตุ้น ให้มีการสร้างเซลล์ไขมันขึ้นใหม่ ในอัตราเท่าเดิม…. ในการศึกษา ตรวจวัดค่า Carbon ซึ่ง

-ปัจจุบัน มี smart health watch ใช้กันแพร่หลาย บางเครื่องที่สามารถตรวจค่าน้ำตาลในเลือด ค่าไขมันในเลือด ได้แบบคร่าวๆ โดยใช้นาฬิกาข้อมือวัดค่า … แต่บ่อยครั้ง การรายงานค่า อาจจะไม่เหมือนแบบที่เราคุ้นเคยแบบที่เป็น mg/dL ปกติ เราบอกว่าน้ำตาลในเลือด ไม่ควรเกิน 100 เพราะแสดงสัญญาณว่า อาจจะเริ่มเป็นเบาหวาน ซึ่ง เราใช้เป็น เลข 100 จนไม่ได้สังเกต หน่วยวัดของค่าน้ำตาลในเลือดว่าเป็น mg/dL -ใน app หลายตัว มีการวัดค่าตรวจสารต่างๆ ในเลือด เป็น mmol/L หรือ แม้แต่ เวลาไปต่างประเทศ เช่น ประเทศในยุโรป จะใช้การวัดค่าที่มีหน่วยเป็น mmol/L ด้วยเหมือนกัน เราจึงไม่คุ้นเคยในการแปลผลค่าที่วัดได้ ….มาดูกันครับ ว่า เราจะแปลงเป็นค่า ที่เราคุ้นเคยได้อย่างไร –การวัดค่า mmol/L เป็นการวัดว่า มี โมเลกุลดังกล่าว จำนวนเท่าไหร่ ในปริมาตร

-เรารู้กันกว่า การออกกำลังกาย จะช่วยให้เราแข็งแรง แต่ อาจจะไม่รู้ว่า ถ้าอยู่เฉยๆ หรือ นั่งนานๆ จะมีความเสี่ยงต่อสุขภาพ และ อัตราการเสียชีวิตสูงขึ้น -มีการศึกษา ในประชากรกลุ่มใหญ่ รัฐ นิวเซาท์เวล ประเทศ ออสเตรเลีย อายุ 45 ปีขึ้นไป จำนวน 267,000+ คน โดยส่งแบบสอบถาม บันทึก กิจกรรมประจำวัน ประจำสัปดาห์ เดือน และ แบบสอบถาม เกี่ยวกับ ระยะเวลา ที่นั่ง ไม่ได้ลุกไปไหน ตั้งแต่ ปี ค.ศ. 2009 จากนั้น นำข้อมูล จาก ฐานข้อมูลการตรวจรักษา และ การเสียชีวิต จากโรคหัวใจและหลอดเลือด โดยประเมิน ในปี ค.ศ. 2017 ติดตามการเปลี่ยนแปลง ในช่วง 5-7 ปี  พบว่า เมื่อแบ่งกิจกรรมประจำ

-เวลาพบก้อนที่เต้านมอาจจะเป็นถุงน้ำ (cyst) ก้อนเนื้องอกธรรมดา (fibroadenoma) หรือ มะเร็ง (cancer)  ซึ่ง มีความแตกต่างในแต่ละช่วงอายุ ในช่วงอายุน้อย พบ เนื้องอกธรรมดาบ่อยสุด ในวัยเจริญพันธุ์ พบ ถุงน้ำ บ่อยสุด และ พบมะเร็งได้บ่อยสุดในวัยสูงอายุ แต่อย่างไรก็ตาม ทั้ง 3 ภาวะนี้ พบทั้งเนื้องอกธรรมดา(ที่ไม่ใช่มะเร็ง) และถุงน้ำได้บ่อยกว่ามะเร็งมากครับ –เนื้องอกธรรมดา(fibroadenoma) ที่เราพบ จะพบบ่อยสุดในช่วงอายุประมาณ 20 ปี ส่วนใหญ่ พบ ก้อนเดียว แต่มี ประมาณ 1 ใน 3 ที่พบ มากกว่า 1 ก้อน  พบได้ทั้ง ซ้าย และ ชวา พอๆกัน … ธรรมชาติของเนื้องอกธรรมดา จะเป็นก้อนคล้าย ลูกชิ้น และ โตขึ้นอย่างช้าๆ มักจะโตประมาณ 1-2 มิลลิเมตร

-ส่วนใหญ่เรารู้จักฟันคุด เพราะ มีอาการปวดฟัน และ มักจะเป็นฟันกราม ได้ตั้งแต่อายุ 11 – 25 ปี  แต่มักจะมีอาการ ตอนใกล้อายุ 20 เพราะว่า ฟันที่งอกออกมาในตำแหน่งปกติไม่ได้ เริ่ม งอกไปชนและกดรากฟันของฟันซี่ข้างๆ จนเกิดอาการปวด -การงอกของฟัน บางครั้ง ก็มีอาการปวดหน่วงๆ คล้ายๆ กับอาการปวดฟันคุด ในช่วงที่ตัดทะลุเหงือกออกมา แต่ จะเห็นตัวฟันที่โผล่ออกมาในตำแหน่งปกติ … ฟันคุด คือ ฟันที่ไม่สามารถงอกออกมาได้ในตำแหน่งปกติ พบได้ตั้งแต่ 18-70% ขึ้นอยู่กับคำนิยามของฟันคุด ที่พบบ่อยและเป็นปัญหา คือตำแหน่งฟันกราม … แต่ ที่ตำแหน่งฟันเขี้ยว หลายคน อาจจะไม่รู้สึกว่าเป็นปัญหา ทั้งๆ ที่มีการงอกผิดปกติ ผิดตำแหน่ง หลายคนมองว่า เป็น เขี้ยวเสน่ห์ ไปครับ -ฟันคุดเมื่อเกิดผิดที่จะทำให้การทำความสะอาดยาก เกิดการสะสมของเศษอาหารและคราบหินปูน และ ฟันผุ เหงือกอักเสบได้ง่าย แต่ฟันคุดที่เป็นปัญหามาก และ ต้องการการรักษา

–ต้อกระจก(cataract) เป็นการเสื่อมตามวัยของ เลนส์ลูกตา เลนส์ตาซึ่งเป็นส่วนหักเหแสงให้เรามองเห็นภาพต่างๆชัดเจน เป็น โปรตีนแบบหนึ่ง ซึ่ง เมื่อใช้งานไป ถูกกระทบด้วยแสงและ สารเคมีต่างๆ ก็ย่อมมีเสื่อมเป็นธรรมดา ทำให้เลนส์ขุ่น และ แสงผ่านไม่ได้ … ต้อกระจก จะค่อยๆเป็นเพิ่มขึ้นใช้เวลาเป็นปี …  เมื่อทิ้งไว้นานเกินไป จอประสาทตาจะเสื่อมเร็วขึ้น​ จนมองไม่เห็น ณ ตอนนั้น ถึงจะผ่าตัดเปลี่ยนเลนส์ รักษาต้อกระจก การมองเห็นก็ไม่กลับคืน เกิดภาวะตาบอดถาวร ….ต้อกระจกจะพบมากขึ้นในผู้สูงอายุ ตามวัย เริ่มพบได้ 5% ในวัย 50 และ สูงขึ้นถึง 70% เมื่ออายุเกิน 80 -อาการที่พบ คือ มองภาพไม่ค่อยชัด วัดสายตา ตัดแว่นแล้วก็ยังไม่ชัด เพราะ เหมือนมีอะไรมาบังตรงกลาง ไม่ว่าจะมองไปทางไหน ก็เหมือนมีอะไรมาบังอยู่ ในช่วงแรกๆ เลนส์ตาจะเริ่มขุ่น จากตรงกลาง และ ค่อยๆขยายวงกว้างขึ้น อาจจะใช้เวลาแรมปี กว่าจะขุ่นจนมองไม่เห็นเลย (กว่าต้อกระจกจะสุก)

-บ่อยครั้ง ที่เราบังเอิญไปคลำเจอ ก้อนตามร่างกาย เล็กบ้างใหญ่บ้าง และ ก็มักจะอยู่กับเรามาสักพักแล้ว ไม่เห็นมีอะไร บางก้อนก็ค่อยๆ โตขึ้น ช้าๆ เกิดความกังวลว่า จะเป็นอันตรายไหม จะเป็นมะเร็งไหม -ก้อนที่พบ หากคลำได้ชัดเจน อยู่ใต้ผิวหนัง หรือ ติดกับผิวหนัง มักจะ เป็นก้อน 1 ใน 2 โรคนี้ คือ ก้อนเนื้อไขมัน (Lipoma) และ ต่อมไขมันอุดตัน(Sebaceous cyst) มักจะเป็นก้อนเดียว โดดๆ ซึ่งผิดกับต่อมน้ำเหลือง ที่ โตหลายๆเม็ดใกล้ๆกัน ซึ่งอยู่ใต้ผิวหนังเหมือนกัน แต่มักจะอยู่ลึกกว่า ไม่สามารถคลำได้ชัดๆ ง่ายๆ แบบก้อนเนื้อไขมันหรือ ต่อมไขมันอุดตัน –ก้อนเนื้อไขมัน เป็นเนื้องอก ที่เกิดจากเซลล์ไขมัน ที่โตผิดปกติ กลายเป็นก้อนใหญ่ ที่สะสมไขมันไว้ข้างใน เป็นเพียง 1-2 เซลล์ที่โตมากๆ ไม่เหมือนเซลล์ไขมันปกติที่มีขนาดเล็กและแทรกอยู่ใต้ผิวหนังจำนวนมาก แต่ ก้อนเนื้อไขมัน จะมีขนาดใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ โตขึ้นช้าๆ

-คุณสุภาพสตรีมักจะได้รับการบอกเล่าจากแพทย์เวลาตรวจภายในประจำปีว่า มีเนื้องอกมดลูก และได้รับคำแนะนำเกี่ยวกับการผ่าตัด สั้นๆ ทำให้ลังเลใจ ตัดสินใจไม่ได้ว่าควรจะรับการผ่าตัดหรือไม่ -ส่วนประกอบของมดลูกที่สำคัญ (ไม่รวมรังไข่) มี 2 ส่วน คือ ส่วนกล้ามเนื้อ และ ส่วนเยื่อบุโพรงมดลูก …การมีเยื่อบุโพรงมดลูก มีไว้เมื่อมีการผสมของตัวอ่อน(ไข่กับอสุจิ) จะได้มีที่ฝังตัวของตัวอ่อน รับเลือด รับอาหาร รับออกซิเจน เพื่อเจริญเติบโตเป็นทารกในครรภ์ ตลอดระยะเวลา 9 เดือนที่แม่อุ้มท้อง ส่วนของเยื่อบุโพรงมดลูก หากไม่มีการฝังตัวของตัวอ่อน (ไม่ได้ถูกใช้งาน) จะหลุดลอกออกเป็นเลือดประจำเดือน เพื่อรอสร้างใหม่ในเดือนถัดไป และ ส่วนประกอบส่วนที่ 2 ของ มดลูก คือ กล้ามเนื้อมดลูก จะทำหน้าที่บีบรัด ไล่เลือดที่ลอกออกให้ออกมานอกร่างกาย เป็นประจำเดือน กล้ามเนื้อมดลูกนี้ นอกจากจะช่วยในการบีบไล่ประจำเดือนแล้ว เมื่อตั้งท้อง ยังเป็นตัวป้องกันทารก ให้อยู่ในพื้นๆที่ปลอดภัย และ เมื่อเวลาจะคลอด ยังทำหน้าที่ บีบ ให้ทารก เคลื่อนผ่านช่องคลอดออกมาสู่โลกภายนอก … ดังนั้น มดลูกที่เราตรวจพบ ส่วนใหญ่