-มีเรื่องเล่าในหมู่แพทย์ เกี่ยวกับโรค มาเลเรีย หรือ ไข้จับสั่น ซึ่ง เกิดจากเชื้อมาเลเรีย ที่แพร่มาผ่านยุงก้นปล่องกัด หรือที่เรียกว่า ไข้ป่า เป็น โรคที่ถูกยุงกัด และนำเชื้อแพร่จากคนป่วยคนหนึ่ง ไปยังอีกคนหนึ่ง โดยที่มีเชื้อปนอยู่ในเม็ดเลือดแดง .. การเกิดโรคคือ เชื้อจะแทรกเข้าไปในเม็ดเลือดแดงและโตเพิ่มจำนวนขึ้นอย่างรวดเร็ว จากนั้น ก็จะทำให้เม็ดเลือดที่มีเชื้อยู่เต็มไปหมด แตกออก เซลล์เม็ดเลือดแดงนั้นก็ตายไป และ เชื้อจากเม็ดเลือดที่แตกออก ก็แทรกตัวเข้าไปในเม็ดเลือดแดงอื่นๆ เพื่อโตต่อไป … ตอนที่เม็ดเลือดแตกออกมากๆ จะทำให้มีไข้ หนาวสั่น และ ที่ตามมาก็คือ เลือดจาง (เพราะเม็ดเลือดแตก) ตับและไต ต้องทำงานหนัก เพราะ กำจัดซากเม็ดเลือดแดง และ ขับของเสียออก บางครั้ง หากมีการแตกของเม็ดเลือดแดงจำนวนมากพร้อมๆกัน อาจจะทำให้ ซีด ช็อค ตับ และ ไตวายได้ และหากขึ้นสมองก็ เกิดอาการชักได้ครับ
-การรักษา จะไม่ยุ่งยากนัก เพราะมียารักษาได้ แต่ จะต้องวินิจฉัยโรคให้ได้ก่อน … ในการวินิจฉัย โรค คือ การนำเลือดมาเกลี่ย บน สไลด์(แผ่นแก้วสำหรับเกลี่ยเลือด) และไปย้อมสี ดูด้วยกล้องจุลทรรศน์ เพื่อดูลักษณะของเม็ดเลือดแดง ว่ามีเชื้อมาเลเรียอยู่ในเม็ดเลือดหรือไม่ … ในอดีต นักศึกษาแพทย์ จะได้รับการสอน ให้ดู สไลด์ ดูว่า ลักษณะของเชื้อมาลาเรีย เป็นอย่างไร จะสามารถวินิจฉัยโรคได้ แต่ในปัจจุบัน การตรวจเลือด มักจะใช้เครื่องตรวจ ซึ่งจะตรวจนับเม็ดเลือด แต่ ไม่สามารถ ดูเชื้อมาเลเรียได้ ยังต้องใช้คน ในการดูอยู่
–เรื่องเล่าจึงเกิดขึ้น ว่า คนไข้ อาการเหมือนมาเลเรีย แต่ แพทย์ที่ตรวจ นำเลือดคนไข้ไปดูผ่าน สไลด์ ได้ดังรูป แต่ วินิจฉัยไม่ได้ ว่าเป็นมาเลเรีย เพราะ ดูไม่ออกว่า ในเม็ดเลือดแดงมี เชื้อมาเลเรียอยู่ ทั้งๆ ที่เม็ดเลือดแดงที่มีเชื้ออยู่ กระจายอยู่ทั่วไป เกือบเต็ม สไลด์ … ที่เป็นเช่นนี้ เพราะ ไม่เคยมีประสบการณ์ หรือ ฝึกฝน หรือ ได้รับการขี้แนะ จากอาจารย์ผู้รู้มาก่อน อย่างเพียงพอ
-นี่เป็นหนึ่ง ในเรื่องเล่า ที่ว่า ทำไม เราถึงต้อง เรียน .. การเรียน เพื่อให้รู้ ให้ทำได้ ขนาดมีเชื้ออยู่เต็มไปหมด ยังดูไม่ออก … เหมือนกับ เรื่องบางเรื่อง ในชีวิตจริงของการทำงาน มันเห็นชัดมาก อยู่ตรงนั้น แต่คนที่ไม่เคยมีประสบการณ์ ไม่เคยถูกสอน ดูไม่ออกว่า เป็นอย่างนั้น มีอย่างนั้น .. เรื่องนี้ เกิดกับ ทุกอาชีพ ทุกตำแหน่งงาน ไม่ว่า ระดับเล็ก หรือ ระดับใหญ่ การไม่ได้ถูกสอน ไม่ได้เคยผ่านการเรียนรู้ จะให้อยู่ๆ ทำได้เองเลย ย่อมทำไม่ได้ ถึงแม้จะรู้ทฤษฏีมาบ้างก็ตามครับ
-การเรียน การได้ฝึก การมีคนคอยชี้แนะ จึงเป็นสิ่งจำเป็น และ สำคัญครับ