-เราคงเคยเห็นบางคน ที่หลังกินอาหารแล้วต้องเข้าห้องน้ำถ่ายอุจจาระเลย แบบว่ากินปุ๊บ ปวดท้องถ่ายปั๊บ … ถึงกับถูกแซวว่า ลำไส้สั้นจัง กินปุ๊บถ่ายปั๊บ
-เรื่องที่ว่าเป็นเรื่องจริงทางสรีรวิทยา ของระบบอัตโนมัติในร่างกายเราครับ (gastro-colic reflex) มีการศึกษานำเครื่องวัดแรงดันและการบีบตัวของลำไส้ ใส่เข้าไปในลำไส้ใหญ่ของอาสาสมัคร และ วัดการเคลื่อนไหวและแรงบีบตัวของลำไส้แต่ละส่วน ตั้งแต่ลำไส้ใหญ่ส่วนต้น(ด้านขวาของช่องท้อง) ส่วนกลาง (ใต้ลิ้นปี่) และส่วนปลาย (ด้านซ้ายของช่องท้อง) จนถึงส่วนของไส้ตรงและทวารหนัก (ส่วนล่างก่อนจะขับถ่ายออกมา) เพื่อศึกษา รูปแบบการเคลื่อนที่ของกากอาหาร ว่าถูกลำไส้บีบตัวและ พากากอาหารจากด้านขวา เคลื่อนที่มาจนถึงการขับถ่ายออกทางทวารอย่างไร … ในการศึกษา พบว่า การบีบตัวของลำไส้จะมีการบีบตัวทั้งแบบ บีบสั้นๆ บีบแรงๆ บีบต่อเนื่องเป็นจังหวะ และ บีบแรงสุดๆยาวๆนานๆ ซึ่งพบว่าการบีบตัวเป็นจังหวะ เป็นการพากากอาหารให้ค่อยๆ เคลื่อนที่ไป เพื่อกากอาหารเหล่านั้น จะมีเวลาสะสมรวมกันเป็นก้อนอุจจาระ แต่ เวลาบีบตัวแรงสุดๆ ยาวๆ นานๆ เป็นการบีบเหมือนตอนจะถ่ายอุจจาระ … จากภาพแผนภูมิจะเห็นว่าหลังจากการกินอาหารเข้าไป จะมีการบีบตัวของลำไส้ใหญ่เพิ่มขึ้น และ มีการบีบตัวแบบแรงสุดๆ ยาวๆ นานๆ เกิดขึ้นด้วย … จึงไม่น่าจะแปลกใจเลย ที่บางคน เวลาหลังกินอาหารจะปวดถ่ายขึ้นมาทันที
-ร่างกายจำเป็นต้องให้มีการขับถ่ายอาหารที่ค้างอยู่ในลำไส้ เมื่อมีอาหารเข้ามาใหม่ เหมือนการเคลียร์ พื้นที่เก็บของ ไม่เช่นนั้น ก็จะแน่นท้อง เป็นเรื่องของธรรมชาติ ……กลไกควบคุมการเคลื่อนที่ ของกากอาหาร และ ถ่ายอุจจาระ เป็นการผสมผสานระหว่าง ระบบอัตโนมัติภายในลำไส้ (การปกตรองส่วนท้องถิ่น อบต อบจ) และการควบคุมจากสมอง (การปกครองส่วนกลาง รัฐบาล) ในลำไส้เอง มีการสื่อสารด้วยระบบประสาทที่อยู่ที่ผนังลำไส้ ที่รับรู้ว่ามีอาหาร หรือ กากอาหารเข้ามาในลำไส้ ตั้งแต่ กระเพาะอาหาร ลำไส้เล็ก ลำไส้ใหญ่ เมื่อมีสัญญาณเข้ามา จะมีการดูแล บอกต่อ หรือส่งสัญญาณให้ลำไส้ส่วนถัดไปเตรียมพร้อมที่จะรับช่วงทำงาน ในการย่อย ดูดซึม และ เตรียมขับถ่าย การส่งสัญญาณนี้ มีการส่งสัญญาณทั้งผ่านระบบประสาท และ สารเคมี …สัญญาณต่างๆ แปร ตาม อาหารที่อยู่ในลำไส้ ว่ามาก น้อย มีไขมัน เป็นแป้ง เป็นโปรตีน หรือมีสารที่ระคายทางเดินอาหารหรือไม่ การกระตุ้นจะมีความแตกต่างกัน แต่โดยรวม ปริมาณอาหาร เป็นตัวหลักในการกระตุ้น เมื่อมีปริมาณอาหารเข้ามามาก ก็จะมีการกระตุ้นให้เคลื่อนที่มากขึ้นตามมา… ในคนที่มีอัมพาตครึ่งท่อนล่าง การสื่อสารระหว่าง ไขสันหลังส่วนบนกับส่วนล่างถูกตัดขาด การสื่อสารทางระบบประสาทไม่สามารถทำได้ ภาวะที่กระตุ้นลำไส้ให้เคลื่อนที่หลังกินอาหาร (gastrocolic reflex) จะไม่เกิดขึ้น หรือแม้แต่คนเบาหวาน ซึ่ง การทำงานของระบบประสาทอัตโนมัติบกพร่อง ก็มักจะไม่มีลักษณะดังกล่าว ซึ่งเราพบว่า คนเบาหวานมักจะมีปัญหาเรื่องท้องผูกด้วย
-นอกจากกลไกอัตโนมัติของทางเดินอาหารแล้ว สมองยังมีผลกับการเคลื่อนไหวของลำไส้ได้ด้วย คือสามารถ กระตุ้น หรือ ยับยั้ง ระบบอัตโนมัติ บางคนก็จะกลั้นอุจจาระ หรือ บางที เวลาตื่นเต้นก็ปวดอุจจาระ .. สุดท้าย การขับถ่าย ก็เกิดจากผลลัพธ์ของสัญญาณจากสมองและจากระบบอัตโนมัติของทางเดินอาหาร รวมกัน ว่าจะถ่าย หรือ จะหยุด ครับ
-ฝากเรื่องไว้ให้อ่านประดับความรู้ และ รู้จักร่างกายของเราเองนะครับ