-ผมมีแพทย์ พยาบาล และคนรู้จักหลายคน ที่สามารถลดน้ำหนักได้ มากกว่า 20 กิโลกรัม โดยไม้องใช้ยาลดความอ้วน
-น้ำหนักเกินเป็นเรื่องของความเคยชิน
-ความรู้ทางการแพทย์เกี่ยวกับน้ำหนักเกินที่ควรรู้และจำเป็นมีดังนี้
1) การมีน้ำตาลในเลือด สมองชอบ เพราะ ถ้าขาดน้ำตาล สมองจะเครียด และ ล้า
2) เมื่อน้ำตาล (แป้งและน้ำตาล) เหลือใช้ จะถูกเปลี่ยนเป็นไขมัน
3) ไขมันจะถูกเก็บสะสม ในเซลล์ไขมัน ซึ่ง บวม และ พองออกได้หลายเท่าตัว
4) เมื่อพื้นที่เก็บไขมันเริ่มเต็ม เซลล์ไขมันชนิด ไขมันขาว (white fat) จะเพิ่มจำนวนขึ้น
5) เวลาลดน้ำหนักจะทำให้เซลล์ตัวเล็กลง แต่จำนวนเซลล์ไม่ลดลง ดังนั้น จึงพร้อมที่จะบวม และ พองขึ้นมาใหม่
6) การลดน้ำหนักจนเซลล์ไขมันลดลง ต้องรอให้เซลล์ตาย ซึ่งต้อใช้เวลามากกว่า 6 เดือน
7) หากมีน้ำตาล และ ไขมัน ร่างกยจะใช้น้ำตาลก่อน … เวลาที่มี อินซูลินในกระแสเลือด อินซูลินจะไม่ยอมให้เอาไขมันที่เก็บสะสมไว้ มาใช้
8) หลังกินอาหาร หรือ กินของหวาน หรือ กินแป้งและน้ำตาล ร่างกายจะมี อินซูลินออกมาเสมอ
-ความรู้ทั้ง 8 ข้อ สามารถนำมาใช้ลดน้ำหนักได้ ร่วมกับ ข้อมูลที่ว่า น้ำหนักเกินเป็นเรื่องของความเคยชินครับ ….
-คนพยายามลดความอ้วน มี จุดที่เข้าใจผิด และทำให้การลดน้ำหนัก ไม่ได้ผล 2 -3 ข้อ คือ ข้อแรก “เรากินเกิน เพราะ เราคิดว่า เราต้องกินแบบนี้ หรือ เราอยากกินแบบนี้” .. การกินทำให้มีความสุข แต่ในความจริง ความสุขจากการกิน เพิ่มเป็น S curve คือมีความสุขมากตอนเริ่มต้น และ เพิ่มขึ้นน้อยแม้กินเพิ่มขึ้นอีกมากมาย ดังนั้น เพื่อตอบโจทย์ความสุขจากการกิน จึงไม่ต้องกินมากมาย แค่ได้กินก็สุขแล้ว … แต่ สมองไม่ทันสังเกต ว่า เป็นแบบนี้ เลยกินไปเรื่อยๆ ด้วยความเคยชิน เรื่องนี้ บอกเราว่า กินเพิ่มอีกนิด ก็ไม่มีประโยชน์
-เมื่อกินเรื่อยๆ โดยความเคยชิน และ ไม่รู้ตัว น้ำตาลและแป้ง จึงเหลือเกินใช้ และ เก็บเป็นไขมัน ซึ่ง เซลล์ไขมันของร่างกายรับได้อย่างสบายๆ สามารถพองตัวเพิ่มขึ้นได้มากๆ และ หากจำเป็น ก็เพิ่มจำนวนได้อีก ดังนั้น การกินเกิน และ หาที่เก็บ จึงไม่เป็นปัญหาของเซลล์ไขมัน … เซลล์ไขมัน ก็ทำหน้าที่ของมันได้อย่างไม่บกพร่อง แต่ การทำงานอย่างดีของเซลล์ไขมัน กลับเป็นปัญหากับ ระบบอื่นๆของร่างกาย
–ข้อที่ 2 “หากลดน้ำหนัก เซลล์ไขมันจะแฟบลง แต่ไม่หายไป” เมื่อกลับมากิน น้ำหนักก็จะกลับขึ้นมาเหมือนเดิม ดังนั้น ถ้าจะลดน้ำหนักจริง ต้องลดต่อเนื่องกันนานเกิน 6 เดือน เพื่อให้เซลล์ไขมันบางส่วนเสื่อมและตายไป จำนวนเซลล์ไขมันลดลง … ตรงนี้ พอดีกับ ความเคยชิน ซึ่ง เปลี่ยนจนเป็น นิสัยใหม่ … เรื่องนี้ จึงจำเป็นต้อง ลดน้ำหนักให้ได้ต่อเนื่องกันนานเกิน 6 เดือน การกินยาลดความอ้วน ทำแบบนี้ไม่ได้ เพราะ จะมีผลข้างเคียงจากยามากมาย จำเป็นต้องมีการปรับพฤติกรรม มากกว่าการใช้ยา
–ข้อที่ 3 เมื่อลดการกินแล้ว สิ่งที่จำเป็นต้องมี คือ ต้องเอาไขมันมาใช้ แต่ หลายคนไม่รู้ว่า “การออกกำลังกาย เพื่อเอาไขมันมาใช้ จะต้องทำขณะท้องว่าง” ที่เป็นเช่นนี้ เพราะว่า หากออกกำลังกายขณะที่ยังมีอินซูลินอยู่ในกระแสเลือด อินซูลิน จะให้เอาน้ำตาลในเลือดมาใช้ ไม่ยอมเอาไขมันมาใช้ ซึ่ง หลังกินข้าว (ท้องอิ่ม) น้ำตาลในเลือดสูง อินซูลินในเลือดก็สูงด้วย จึงไม่สามารถนำไขมันที่สะสมมาใช้ … การออกกำลังกายจึงควรให้ท้องว่าง หลังกิน 3 ชั่วโมง หรือ ก่อนอาหารมื้อถัดไป