–เสียงที่ดังมาก จะมีผลต่อประสาทหู ซึ่งร่างกายจะมีการปรับตัวในหลายระดับ ทำให้ความสามารถในการได้ยินลดลง จนถึงหากเสียงดังมากๆ อาจจะทำให้กระดูหูชั้นในเคลื่อนตำแหน่ง หรือ แก้วหูแตกได้ … เช่น เวลามีการยิงปืน หรือ ระเบิดใกล้ๆ อาจจะทำให้ ไม่ได้ยินไปเลย ทั้งที่เป็นชั่วคราว หรือ ถาวร ได้เลยครับ
-ในวงการแพทย์ และ วงการสาธารณสุข ได้มีการศึกษา จนทราบว่า เสียงที่ดังมากขึ้น จะมีอันตรายมากขึ้น โดยทั้งนี้ แปรผันตามระยะเวลาที่ได้รับเสียงดังด้วย จึงมีการให้คำแนะนำถึงความปลอดภัยของการได้ยินเสียงดังๆ วัดระดับ ความดัง เป็น เดซิเบล (dB) โดยทั่วไป จะเริ่มมีอันตราย เมื่อได้ยินเสียงดังตั้งแต่ 90 dB ขึ้นไป ระยะเวลาที่เริ่มมีผลต่อการได้ยิน สำหรับเสียงระดับ 90 dB คือ นาน เกิน 8 ชั่วโมงต่อวัน และทุกๆ ความดังที่ดังเพิ่มขึ้น 5 dB จะเริ่มมีอันตราย ในเวลาลดลงครึ่งหนึ่ง
-การฟังจากหูฟังทั้งชนิดครอบศีรษะ หรือ เสียบหู ล้วนทำให้เราได้ยิน เสียงที่ดังมากขึ้น และ มีโอกาส ที่เราจะได้ยินเสียงดัง เป็นเวลานานขึ้น .. โดยทั่วไป หากเปิด เสียงระดับ 80% ของ ระดับเสียง จะเริ่มมีความเสี่ยง โดยเสียงดังจะถึงระดับ 91 dB และ หากเปิดเสียงดังสุด จะมีเสียงที่ดัง มากกว่า 100 dB
-ฟังเพลงผ่านหูฟัง ก็มีระดับความดังที่ไม่เท่ากัน เพลงคลาสสิก จะดังไม่มาก เพลง pop ก็ดังขึ้น และ เพลง มาร์ช กับเพลง ร็อค ก็จะดังยิ่งขึ้น มีความเสี่ยงเพิ่มขึ้นด้วย
-มีการศึกษาพบว่า คนวัยทำงาน อายุน้อย มีแนวโน้ม ว่า จะใช้หูฟังมากกว่าคนสูงอายุ และ มีแนวโน้ม ว่าจะใช้ทุกวัน หรือ ใช้มากกว่า 4-5 วันต่อสัปดาห์ ซึ่ง ทำให้ความเสี่ยงต่อประสิทธิภาพการได้ยินที่ลดลง มีมากขึ้น
-จึงเป็นข้อเตือนใจว่า ในคนที่ใช้หูฟังทั้งแบบครอบหรือแบบเสียบหู ไม่ควร เปิดเสียงของหูฟัง ที่ดังมากเกินไป เพราะ จะทำให้ ความสามารถของการได้ยินลดลง โดยไม่รู้สึกตัวครับ