-เคยเล่าให้ฟังแล้วว่า เวลาลดน้ำหนักตัว จำนวนเซลล์ไขมัน ไม่ได้ลดลง เพียงแต่ ขนาดเล็กลง เมื่อไหร่ก็ตาม ที่ เรากลับมากินเพิ่มขึ้น เซลล์ไขมันเหล่านั้น ก็จะกลับมาตัวโตขึ้น และกลับอ้วนขึ้นได้อย่างรวดเร็ว เพราะว่า ในคนอ้วน มี จำนวนเซลล์ไขมัน มากกว่าคนทั่วไป…. มีการศึกษา เรื่องนี้ พิสูจน์ให้เห็นชัดเจน โดย คนที่ลดความอ้วน โดยการผ่าตัดกระเพาะอาหาร ให้มีขนาดเล็กลง พบว่า ก่อนและหลังผ่าตัด น้ำหนักที่ลดลง คือ ปริมาตรของ เซลล์ไขมัน ที่ขนาดตัวเล็กลง ขณะที่ จำนวนเซลล์ไขมันยังคงเท่าเดิม
-ขณะ เดียวกัน ยังพบว่า คนที่อ้วน มีจำนวนเซลล์ไขมัน มากกว่าคนปกติ ดังเห็นได้จาก ภาพ บนซ้าย เส้นสีชมพู คือจำนวน เซลล์ไขมันในคนอ้วน เส้นสีน้ำเงิน คือจำนวนเซลล์ไขมันในคนปกติ ทั้ง 2 กลุ่ม จะมีจำนวนเซลล์ไขมันเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วจากวัยเด็ก จนถึงอายุ 20 และความแตกต่างนี้ จะยังคงอยู่ไปเรื่อยๆ
-มีคำถามว่า เราจะสามารถลดจำนวนเซลล์ไขมันลงได้ไหม คือทำให้เซลล์ตาย จะได้ไม่มีเซลล์ไขมัน จำนวน มากๆ ที่จะอ้วนขึ้นได้อีก ได้มีการศึกษา จำนวนเซลล์ไขมัน โดยอาศัย วิธีตรวจวัดอย่างละเอียด ถึง ปริมาณ คาร์บอน 14 ซึ่งมี ลักษณะของสารกัมมันตรังสี ที่แพร่กระจาย ตั้งแต่ ช่วงที่ มีการใช้ระเบิดปรมาณู ในปี 1955 สารคาร์บอน 14 นี้ จะ ฝังตัวอยู่ใน DNA ของเซลล์ และเมื่อมีการแบ่งตัว เพิ่มจำนวน สารคาร์บอน 14 นี้ จะไปอยู่ในเซลล์ไหม่ จนกว่าเซลล์นั้นจะตายไป ทำให้เรารู้ อายุของเซลล์ที่อยู่ในร่างกาย ในแต่ละช่วงเวลา โดยการตรวจวัด ความเข้มข้นของคาร์บอน 14 ของเซลล์นั้นๆ…. จากการศึกษาในคนที่ดูด ไขมันหน้าท้อง เพื่อลดความอ้วน พบว่า เซลล์ไขมัน ตายยากมาก ตายช้ามาก โดย เซลล์ไขมัน จะตายเฉลี่ย ที่ 8.4% ของเซลล์ไขมันทั้งหมด ขณะ เดียวกัน ก็มีการสร้างเซลล์ไขมันขึ้นมาใหม่ …มีการเปรียบเทียบ อัตราการตายของเซลล์ไขมัน ในคนอ้วน และคนปกติ พบว่า เกือบจะไม่มีความแตกต่างเลย ในคนอ้วน อัตราการตายของเซลล์ไขมัน มากกว่า เล็กน้อย อยู่ที่ 9.5%
-จากข้อมูลดังกล่าว จะเห็นว่า ถ้าจำนวนเซฟไขมัน มีจำนวนมากตั้งแต่ต้นแล้ว โอกาส ที่จะลดน้ำหนัก หรือทำให้เซลล์ไขมันน้อยลง เป็นไปได้ยากมาก และช้ามาก…. ดังนั้น วิธีที่ดีที่สุด จึงควร ป้องกันไม่ให้มีเซลล์ไขมันจำนวนมาก ตั้งแต่ต้น โดยการระวังอย่างยิ่ง ไม่ให้ เด็กอ้วน โดยเฉพาะ อายุตั้งแต่ 6 ปี จนถึงวัยรุ่น