-เรามักจะได้ยินคำว่า “อ้วนลงพุง” “อ้วนจนแก้มป่อง” “เหนียงออกแล้ว” หรือ “ต้นขาใหญ่จัง” “ดูสมบูรณ์ มีแก้มก้นด้วย” ทั้งหมด ล้วนเป็นการบรรยายธรรมชาติที่พบบ่อยของจุดสะสมไขมันในร่างกาย
–ไขมัน เป็นแหล่งสะสมพลังงานสำรองไว้ใช้ในยามจำเป็น ซึ่ง สำคัญต่อร่างกาย อีกทั้งยังเป็น ฉนวนกันความร้อน ไม่ให้เราสูญเสียความร้อน ในอากาศหนาว …ร่างกายจะ นำอาหารที่เหลือใช้ ไปเก็บสะสมไว้ในเซลล์ไขมัน ซึ่ง หากมีมากเกินไป จะมีการกระตุ้นให้เกิดการอักเสบในร่างกายได้ง่าย และ มีโรคต่างๆ ตามมา …. พึงระลึกไว้เสมอว่า ไขมัน คือ แหล่งสะสมพลังงานที่เหลือใช้ ดังนั้น หากกินมากกว่าใช้ จะเหลือให้ร่างกายนำไปเก็บไว้ที่เซลล์ไขมัน ตามส่วนต่างๆ ของร่างกาย (ไม่ได้เกิดเฉพาะจากการกินไขมันเข้าไปนะครับ การกิน คาร์โบไฮเดรท แป้ง และ น้ำตาล หากมากเกินไป และเหลือใช้ ร่างกายก็สามารถแปลงไปเก็บไว้ในรูปไขมันได้ครับ
-การเก็บไขมันในร่างกาย มีทั้ง ที่เก็บไว้ใต้ผิวหนัง (ซึ่งทำให้เราดูอ้วน) และ เก็บไว้ในช่องท้อง ซึ่งไขมันในช่องท้อง หรือ ที่เรียกว่า ไขมันสีขาว WAT (white adipose tissue) เป็นไขมันที่ไม่ดี เก็บง่าย เอาออกมาใช้ยาก และ พบร่วมกับ โรคต่างๆ หรือ การอักเสบในส่วนต่างๆ ของร่างกาย …. ขณะเดียวกัน ไขมันก็สะสมอยู่ใต้ผิวหนังของเรา ตามส่วนต่างๆของร่างกายด้วยครับ ตามธรรมชาติแล้ว ไขมันทั้งในช่องท้องและใต้ผิวหนังมักจะสัมพันธ์กัน ดังนั้น หากเห็นไขมันตามร่างกายมากขึ้น ก็เชื่อได้ว่า ไขมันในช่องท้องมากขึ้นด้วยครับ
-ไขมันใต้ผิวหนัง จะสะสมอยู่ในรูปแบบที่ต่างกัน ในเพศชาย และ เพศหญิง … ใน ผู้ชาย ไขมันจะสะสมที่พุง และ ขึ้นมาจนถึงลิ้นปี่ และ สะสมที่แผ่นหลัง ก่อนที่อื่น ส่วนในผู้หญิง ไขมันจะสะสมที่ท้องน้อย สะโพก และ ต้นขา แต่ ถ้าไขมันเยอะขึ้นเรื่อยๆ จะมีการสะสมไปทั่วทุกที่ ทั้ง หน้าท้อง หลัง ต้นขา น่อง ท้องแขน ครับ
-อีกบริเวณหนึ่ง ที่ไขมันสะสม จนเราสังเกตได้ง่าย คือ บริเวณใบหน้า และ ลำคอ ตรงแก้ม และ โหนกแก้ม เป็น จุดที่มีไขมันสะสมได้ง่าย รวมถึง ใต้คาง (เหนียง) ดังนั้น พอเริ่มอ้วน มีพลังงานเหลือใช้ มีไขมันสะสม เราจะเริ่มมองเห็นได้ง่าย จาก ใบหน้า และ ลำคอ พึง ระลึกว่า นั่นหมายถึง ตรงพุง ผนังหน้าท้อง และ ในช่องท้อง ก็มีไขมันสะสมอยู่ด้วยแล้วครับ
–กินแต่พอดี ใช้ให้มาก จะได้ไม่มีไขมันส่วนเกินนะครับ