-ในยุคที่ทุกคน ป่าวร้องว่า อยากได้ประชาธิปไตย ขอมีสิทธิ และ ขอให้คนอื่นเคารพสิทธิ ของตนเอง … ผู้ใหญ่ และ ต่อเนื่องไปถึงการสอนเด็ก ให้เข้าใจผิดด้วยการกระทำ เพราะ เราเห็นอยู่ทุกวันว่า “ทำอะไร ตามใจ คือ ไทยแท้” … ที่จริงผมเองก็ไม่อยากพูดอย่างนี้ เพราะเหมารวมเอาคนดีๆ ที่คนทำถูกต้องเข้าไปด้วย
-ก่อนที่เราจะเรียกร้องประชาธิปไตย เรียกร้องสิทธิ …เราควรจะเข้าใจเรื่องของประชาธิปไตยอย่างจริงจัง
-หลายคน มองประชาธิปไตย ในเรื่องของ ตัวหนังสือ กฎหมาย การบัญญัติ ต่างๆ ซึ่ง สรุปโดยรวมว่า เป็นการปกครองโดยประชาชน ซึ่ง การดำเนินการแบบนี้ เป็นวิวัฒนาการทางสังคม แบบหนึ่ง จากธรรมชาติของมนุษย์ .. ในทาง สรีรวิทยา ทุกชีวิตต้องการความอยู่รอด หากทุกชีวิต อาศัยอยู่ร่วมกัน ในสิ่งแวดล้อมเดียวกัน ย่อมมีการแก่งแย่ง เพื่อใช้ ทรัพยากร กินอยู่ และ สืบเผ่าพันธุ์ .. แต่การอยู่รอดตามธรรมชาติ คือ การใช้กำลัง คนตัวใหญ่ คนแข็งแรง คนถืออาวุธ คือผู้ที่สามารถเอาเปรียบ คนที่ตัวเล็ก อ่อนแอ และไม่มีอาวุธ (เหมือนที่เราเห็นในหลายประเทศ ในยุคสงครามกลางเมือง) เมื่อถูกเอาเปรียบมากๆ ก็เกิดการต่อสู้เพื่อปกป้องตัวเอง เพื่อให้มี กิน มีอยู่ มีใช้ และ สามารถดำรงเผ่าพันธุ์ได้ และ เมื่อเกิดการต่อสู้ ก็มีแต่คนสูญเสีย ไม่เกิดประโยชน์กับใครเลย … ความฉลาดของมนุษย์ จึงหาทางอยู่ร่วมกัน ในสังคม เพื่อไม่ให้เกิดการต่อสู้ แย่งชิง และ ไม่ให้คนที่ตัวใหญ่ แข็งแรง และ มีอาวุธ เอาเปรียบและทำร้ายคนอื่น เกิดกติกาทางสังคมขึ้น … ซึ่งกดิกาทางสังคม ก็กลายเป็น ระบอบการปกตรอง ที่คนที่อยู่ในดินแดนเดียวกัน ยอมรับร่วมกัน … เพื่อให้สามารถอยู่ด้วยกันได้ โดยไม่ต้องแก่งแย่ง หรือ สู้รบ กัน
-ประชาธิปไตย จึง เป็น วิวัฒนาการทางสังคมของมนุษย์ เพื่อให้ทุกคนมีส่วนร่วมกัน ในการกำหนด กติกาของการอยู่ร่วมกัน ที่เรียกว่า เป็นการปกครองโดยประชาชน … วิธีกำหนดกติกา ขั้นพื้นฐานของ ประชาธิปไตย คือ “ทุกคนมีสิทธิ อันชอบธรรม ที่จะทำอะไรก็ได้ โดยไม่ละเมิดสิทธิของผู้อื่น” เป็นวิธีที่ฉลาด และ ขีดวงปัญหาให้เล็กลง จนอยู่ในวิสัย ที่สามารถปฏิบัติได้ เพื่อใก้การมีสิทธิ เกิดขึ้นจริง โดยไม่ต้องต่อสู้ ทะเลาะกัน จึงเกิดวิธีการขึ้น และ หลักพื้นฐานของประชาธิปไตย ในด้านวิธีการ คือ “เคารพเสียงส่วนใหญ่ ปกป้องเสียงส่วนน้อย” ซึ่งการได้มาตามวิธีการนี้ ใช้พื้นฐานของ การเจรจาทั้งนั้น ไม่ได้ต้องการให้ใช้กำลัง …
-หลายคนมองว่า การประท้วง คือ ประชาธิปไตย .. ซึ่งถูกแค่บางส่วน .. การประท้วง คือ การใช้สิทธิของเสียงส่วนน้อย ซึ่งคนส่วนใหญ่ให้การปกป้อง ให้คนที่มีเสียงส่วนน้อย ที่ไม่เห็นด้วยกับเสียงส่วนใหญ่ สามารถแสดงความเห็นของตนเองได้ และ สุดท้าย การแก้ไขปัญหาจะเกิดขึ้น เกิดโดยไม่ใช้กำลัง หรือ ดื้อแพ่ง แต่ จบด้วยการเจรจา ที่ไม่ใช้กำลัง …แต่การเจรจา ก็วางอยู่บนพื้นฐานเดิม “ทุกคนมีสิทธิ อันชอบธรรม ที่จะทำอะไรก็ได้ โดยไม่ละเมิดสิทธิของผู้อื่น”
-ทำอะไรได้ตามใจ คือไทยแท้ เป็นการมองอะไรแค่บางส่วน และ ถูกใช้เป็นข้ออ้าง โดยไม่คำนึงถึง การละเมิดสิทธิของผู้อื่น เช่น การข้ามถนน ตรงไหนก็ได้ เป็นการละเมินสิทธิของคนใช้ถนนที่เป็นคนขับรถ การวางหาบเร่แผงลอย ตรงทางเท้า จนทำให้คนเดินบนทางเท้า ไม่มีที่เดิน เป็นการละเมิดสิทธิของผู้อื่น การปล่อยให้สุนัขไปขับถ่ายที่บ้านคนอื่น เป็นการละเมิดสิทธิของผู้อื่น
–วิธีการไม่ละเมินสิทธิของผู้อื่น คือ การทำข้อตกลง เป็น กฎกติกา หรือ ระเบียบ ของแต่ละสังคม แต่ละบ้าน และ ทุกคนที่เข้าร่วมในสังคม ต้องทำหน้าที่ของตนเอง ในการปฏิบัติตามสิ่งที่ตกลงกันไว้ ถ้าจะเปลี่ยนข้อตกลงก็ทำได้ แต่ ไม่ใช่ การอ้างว่าตนเองมีสิทธิ และ จะไม่ปฏิบัติตามข้อตกลงกลาง ซึ่ง กรณีนั้น คือ การละเมินสิทธิของผู้อื่น
-จริงไหมครับ การไม่ทำตามกฎของโรงเรียน คือ การไม่เคารพสิทธิของนักเรียนคนอื่น ไม่เคารพสิทธิของผู้ปกครองนักเรียนคนอื่น อีก นับพันคน ไม่เคารพสิทธิของ ครูในโรงเรีย อีกนับร้อย … การละเมิดสิทธิของผู้อื่น ไม่ใช่ประชาธิปไตน
-เราควรจะเรียนรู้ประชาธิปไตย กันอย่าง จริงจัง และ ฝึกปฏิบัติ เพื่อสังคมจะได้อยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข โดยไม่ต้อง ใช้กำลังครับ