คุยโทรศัพท์ขณะขับรถเหมือนปิดตาขับเป็นพักๆ

-การทำงานของสมองเป็นอย่างไรถ้าคุยโทรศัพท์ขณะขับรถ… ก่อนหน้านี้ ได้เคยเล่าให้ฟังว่า การตอบสนองของสมองช้าลงมาก ถ้าหากต้องคุยโทรศัพท์ขณะขับรถ ซึ่ง ช้ากว่า คนดื่มเหล้า 2 drink เสียอีก … วันนี้ มาดูกันว่า เกิดอะไรขึ้นในสมอง

-อธิบายกลไกการทำงานของสมอง แบบง่าย ก่อนเข้าเรื่องดังนี้ … ร่างกายเรามีส่วนที่รับข้อมูล รูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส คือ ตา หู จมูก ลิ้น และ ผิวหนัง ซึ่งอวัยวะเหล่านี้ จะแปลงสิ่งที่มากระทบเป็นสัญญาณไฟฟ้า ถ้าหากเทียบกับเครื่อง คอมพิวเตอร์ ก็จะเหมือน keyboard scanner microphone ฯลฯ สัญญาณเหล่านี้ จะวิ่งไปที่แกนกลางของสมอง หรือ ก้านสมอง ส่วนที่เรียกว่า Thalamus ซึ่งเป็นสถานีที่เชื่อมต่อระหว่าง ไขสันหลัง กับสมองใหญ่ จากนั้น ข้อมูลหรือสัญญาณของการรับรู้จะถูกส่งไป ประมวลผล ที่สมองที่ทำหน้าที่เกี่ยวกับ การมองเห็น(visual cortex) การได้ยิน(auditory cortex) และ อื่นๆ ซึ่งสมอง cortex เหล่านี้ จะแปลงสัญญาณที่ส่งมา ให้เป็นภาพ เป็นชื่อ เป็นสิ่งที่เรารู้จักคุ้นเคย เช่น แสงแบบนี้ คือ นาย ก แสงแบบนี้เป็น ดอกมะลิ ฯลฯ (ถ้าเทียบกับ คอมพิวเตอร์ ก็มี core ที่ทำงานเป็น GPU สำหรับประมวลผลเรื่องภาพ แยกต่างหากจาก การประมวลผลหลัก CPU) จากนั้น ข้อมูล จะไหลไปรวมกันที่สมองส่วนของการนึกคิด และ ตัดสินใจ ซึ่งเป็นสมองส่วนหน้า ทางการแพทย์เรียกส่วนนึกคิด ประมวลผล และ ตัดสินใจว่า prefrontal cortex (PFC) ถ้าเทียบกับเครื่องคอมพิวเตอร์ ก็คือ CPU

-หัวใจของเรื่อง multitasking หรือ การรับโทรศัพท์ขณะขับรถ อยู่ที่ Thalamus หรือ ศูนย์กระจายข้อมูลครับ ถ้าเทียบกับ ระบบคอมพิวเตอร์ ในปัจจุบัน ก็เหมือน เสาสัญญาณโทรศัพท์ เหมือน router ที่เรากระจาย สัญญาณ wifi ไปใช้ในบ้านหรือ office ที่ตำแหน่งของ Thalamus จะมี เซลล์ประสาท หุ้มห่ออยู่โดยรอบ เป็นเหมือน ตาข่าย ที่คอยควบคุมการจราจร เรียกว่า Thalamic reticular network (TRN) ตัว TRN จะเป็นตัวที่ทำหน้าที่ในการปล่อยให้สัญญาณ วิ่งไปที่สมองส่วนต่างๆ รวมทั้ง ส่วนที่ประมวลภาพ ประมวลเสียง และ สมองส่วนหน้าด้วยครับ .. ทั้งนี้ เพื่อให้สมองส่วนอื่นทำงานได้สะดวก ไม่มีความสับสน หรือ การปนเปกันของข้อมูล ประมาณ เหมือน ตำรวจจราจร ที่คอยคุมไม่ให้รถติด ประมาณนี้ครับ …

-เรารู้ได้อย่างไรว่ามีสมองส่วนนี้ TRN ทำงานแบบนี้อยู่ …มีการศึกษา โดยการฝังอุปกรณ์ อิเล็กทรอนิกส์ ขนาดเล็ก ไปที่สมองส่วน Thalamus ของ หนู (น้ำหนักเบาสามารถติดกับหนูเวลาวิ่งไปวิ่งมาได้ป และจับสัญญาณไฟฟ้า ของ การทำงานของ เซลล์สมองบริเวณนั้น ส่งออกมาให้เราตรวจวัด และ บันทึกได้ … จากนั้น ทดลองให้ หนูมองเห็นแสง และ ได้ยินเสียง เพื่อบันทึก สัญญาณของเซลล์ ส่วน TRN ว่า เซลล์กลุ่มไหนจะทำหน้าที่ควบคุม แสง ส่วนไหนควบคุมเสียง  ศึกษาจนแน่ใจว่า เซลล์ที่ให้สัญญาณแบบนี้ ควบคุมเสียง แบบนี้ควบคุมแสง ศึกษาถึงขนาดตัดต่อ gene ให้หนูบางตัว ไม่มีเซลล์เหล่านั้น (knockout mice) เพื่อยืนยันว่า สัญญาณที่ได้จากหนู เป็นสัญญาณของ TRN ส่วนที่ควบคุมเสียง หรือ ควบคุมแสง

-ในภาวะปกติ เมื่อรับเสียง หรือ รับแสง เซลล์ TRN จะตอบสนอง ตรงไปตรงมา คือ กระจายสัญญาณไปให้สมองส่วนประมวลผล เรื่องแสง และ เสียง (visual cortex และ auditory cortex) รวมถึงสมองส่วนหน้า PFC แต่ หากมีสัญญาณเข้ามาพร้อมๆกัน สมองส่วนหน้า จะสามารถส่งคำสั่งมายัง TRN ให้ ปิด การส่งสัญญาณ บางส่วน ปล่อยให้ เฉพาะสัญญาณ ที่สมองส่วนหน้าสนใจ เดินทางผ่านออกได้ไป กักและกั้น สัญญาณจากสมองส่วนอื่นเอาไว้ ทำให้สัญญาณด้านอื่นๆ ออกมาจาก Thalamus ลดลงอย่างมาก ซึ่ง การปิดสัญญาณนี้ TRN ทำการปิดการทำงานครั้งละ 0.2 วินาที และ อาจจะส่งคำสั่งมาปิดสัญญาณซ้ำ ได้อีกเรื่อยๆ … ดังนั้น เวลาที่เราคุยโทรศัพท์ หรือ กำลังสนใจกับสิ่งที่คุย สมองส่วนหน้า PFC จะส่งสัญญาณ มาที่ TRN เพื่อบอกให้ปิดสัญญาณ การมองเห็น เหลือส่งออกแต่ สัญญาณการได้ยิน ไปยังสมองส่วนต่างๆ จึงเกิดภาวะที่เราเหมือน คนปิดตา ขับรถ เป็นช่วงๆ ครั้งละ 0.2 วินาที และ หากเรื่องที่กำลังพูดคุยมีความจำเป็นต้องใส่ใจมาก จะมีการปิดกั้น ก็จะยาวนานขึ้น เราจึงเหมือน คนที่ขับรถ โดยปิดตาอยู่ (ถึงมีแสงเข้าไปในลูกตาของเรา แต่ สมอง ปิดการรับรู้ดังกล่าวเสียแล้ว)

-พอเข้าใจแล้วนะครับ … สมองของเรา เลือกที่จะทำงาน ประมวลผล และ รับสัญญาณ ทีละเรื่อง  …สมองของเรา ยังไม่เก่งมาก แบบเครื่อง คอมพิวเตอร์ ในปัจจุบัน ที่ สามารถทำงานทุกเรื่อง ได้ด้วยประสิทธิภาพเท่ากัน แต่ สมองของเรา จะทำงานทีละเรื่อง และ สลับเรื่อง เหล่านั้น ไปๆ มาๆ … การทำ multitasking หรือทำงานหลายอย่างพร้อมกัน ทำให้ สมองเหนื่อยมากขึ้น และ ประสิทธิภาพลดลง … ไว้จะมาเล่าให้ฟังต่อนะครับ


คุยโทรศัพท์ขณะขับรถเหมือนปิดตาขับเป็นพักๆ