-เชื่อว่า ทุกท่านคงเคย ใช้โทรศัพท์มือถือระหว่างขับรถ ไม่ว่าจะ รับสาย หรือ ใช้หูฟังรับสาย หรือ อ่านข้อความ พิมพ์ข้อความ ดูข่าว ดูแผนที่ .. โดยที่เราไม่รู้ว่า การกระทำเหล่านั้น มีอันตราย เสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุ ไม่แพ้ คนที่ “ดื่มแล้วขับ”
-มีการศึกษา ในอาสาสมัคร 20 ราย ที่มีประสบการณ์การขับรถ และ ดื่มสุรา เข้าร่วมการทดสอบ ขับรถ ในห้องจำลองการขับขี่ ที่ตรวจวัดการเปลี่ยนแปลง และ การตอบสนอง สนสถานการณ์ต่างๆ ที่สามารถคำนวณความเสี่ยง ในการเกิดอุบัติเหตุ โดยที่อาสาสมัคร จะได้รับโอกาส ในการทดลองขับขี่ ให้คุ้นเคยกับระบบ จากนั้น อีก 1 สัปดาห์ จะเข้าร่วมการศึกษา โดย 1) มีการสุ่ม ดื่มน้ำ ที่ผสม alcohol 40% หรือ น้ำที่ไม่ได้ผสม alcohol (กลุ่มควบคุม) และรอ 20 นาที เพื่อให้ alcohol ออกฤทธิ์ สูงสุด แล้วขับขี่ในห้องจำลองการขับขี่ และ ตรวจวัดความสามารถในการขับขี่ จากนั้น 2) ทำสลับกัน ในวันถัดไป และ 3) ศึกษา ให้มีการขับขี่ โดยใช้โทรศัพท์มือถือ และมีกิจกรรมต่างๆตามแบบทดสอบสนทนาระหว่างขับรถ และ 4) ขับขี่ โดยใช้โทรศัพท์มือถือ แบบ มีหูฟัง สนทนาระหว่างขับรถ …นำข้อมูลการขับขี่ มาศึกษาเปรียบเทียบความสามารถ และ รูปแบบการขับขี่
-พบว่า กลุ่มที่ดื่มสุรา จะขับรถเร็วกว่าปกติ ส่วนกลุ่มที่ใช้โทรศัพท์มือถือจะขับรถข้าลง แต่ ผลการทดสอบการตอบสนอง (เช่น การเหยียบเบรก เมื่อรถคันหน้าเบรก) ของกลุ่มที่ใช้โทรศัพท์มือถือ จะช้าที่สุด แม้แต่ใช้โทรศัพท์ด้วยหูฟัง การตอบสนอง ก็ยังช้า ช้ากว่า คนดื่มสุรา ถึง 2 drink ด้วยซ้ำ … ตรงนี้ จึงเห็นว่า การใช้โทรศัพท์มือถือระหว่าง ขับรถ เป็นอันตราย ไม่แพ้ การ ดื่มแล้วขับ เลยทีเดียวครับ
-คำนวณ จากการตอบสนองเมื่อเห็นรถคันหน้าเบรก จะใช้เวลา 1 วินาทีก่อนจะแตะเบรก และ ใช้เวลาในการเบรกอีก 2.6 วินาที กว่ารถจะหยุด … เอาแค่ สมองตัดสินใจช้าลง จาก 1 วินาที เป็น 1.5 วินาที นั่นคือ ช้าลง 0.5 วินาที ในรถที่ขับมาก้วยความเร็ว 60 ไมล์ ต่อชั่วโมง หรือ ประมาณ 90 กม ต่อชั่วโมง ระยะการไหลของรถ จะเพิ่มขึ้นไป เท่ากับ 90 x 1,000 x 0.5 / 3,600 = 12.5 เมตร หาก รวมความสามารถในการเหยียบเบรกช้าลงไป อีก จาก 2.6 วินาที เป็น 3.9 วินาที ทำให้ระยะเบรคเพิ่มไปอีก 32.5 เมตร นั่นหมายถึง เราไม่สามารถควบคุมรถให้หยุดได้ ในระยะรถที่ห่าง 45 เมตรครับ ตรงนี้ มากกว่า คนที่ดื่มสุรา 2 drink ถึงแม้ว่า คนดื่มสุรา จะขับรถเร็วกว่าก็ตามครับ
–ขับไม่ใช้โทรศัพท์มือถือ นะครับ