-เรื่องนี้มีญาติคนไข้ มาปรึกษา เกี่ยวกับ ผู้ใหญ่ที่บ้านว่า ขณะนี้ คุณหมอบอกว่า ให้ตัดเท้า จะทำอย่างไรดี … ขอเล่าเรื่องนี้ เป็นอุทาหรณ์ แลกเปลี่ยนเรียนรู้ประสบการณ์ร่วมกันครับ
–ผู้สูงอายุท่านนี้ มีโรคประจำตัวหลายอย่าง ที่พบกันทั่วไป ทั้งเบาหวาน ความดันโลหิตสูง สมองเสื่อม หัวใจเต้นผิดจังหวะ เคยเป็นโรคหลอดเลือดสมอง ต้องกินยาละลายลิ่มเลือด และ การเคลื่อนไหวไม่สะดวก เป็นผู้ป่วยติดเตียง … (ครบสูตร สำหรับ ผู้สูงอายุที่ป่วยมานานเลยครับ) … ท่านป่วยเป็นแผลกดทับ มาสักพัก จนแพทย์ต้องแนะนำให้ผ่าตัดรักษาแผลกดทับ ซึ่งต้องหยุดยาละลายลิ่มเลือด ตั้งแต่ก่อนผ่าตัด และ ผลการผ่าตัดรักษาแผลกดทับ ก็เป็นไปได้ด้วยดี
-ประมาณ 1 สัปดาห์หลังการผ่าตัด ผู้ป่วยบ่นปวดขา … (ยังพูดได้ แต่ การสื่อสารไม่ได้ดี จากปัญหาโรคทางสมอง) … ปวดมากกระสับกระส่าย และ บ่นว่าให้ถอดถุงเท้า ๆๆ ทั้งๆที่ไม่ได้ใส่ถุงเท้า .. ญาติเองก็ไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น แต่เนื่องจาก เพิ่งผ่าตัดเสร็จกลับบ้าน ยังไม่ได้ถึงเวลาหมอนัด ก็ได้ดูแลไปตามอาการ .. หลังจากนั้น 1-2 วันจึงเริ่มสังเกต เห็นว่า ปลายเท้าข้างหนึ่ง ดำ และ เย็นกว่าอีกข้างหนึ่งมาก จึงพามาหาหมอ
-หมอให้การวินิจฉัยว่า เกิดภาวะเส้นเลือดที่ต้นขาอุดตัน ทำให้เลือดไปเลี้ยงปลายเท้าไม่ได้ เกิดอาการเนื้อเยื่อขาดเลือด และ เนื้อตาย จนกลายเป็นสีดำ มีอันตราย เพราะ เนื้อเยื่อที่ตาย จะส่งสารพิษ เข้ากระแสเลือด และทำให้ไตวายได้ ต้องตัดขา ซึ่งระดับการตัดขา ถึงแม้จะเท้าดำที่ปลายเท้า แต่ต้องตัดขาถึงเหนือหัวเข่า เพราะ การอุดตันของเส้นเลือดอยู่ในระดับสูงถึงที่ขาหนีบ … ญาติๆ ฟังแล้ว ก็ตกใจ จึงมาขอปรึกษาหาความรู้
-เป็นจริงตามที่คุณหมอพูดเลยครับ … คนที่หัวใจเต้นผิดจังหวะ มีโอกาสเกิดการไหลวนของเลือดในหัวใจ และ ตกตะกอนจับกันเป็นลิ่มเลือด หากไม่ได้กินยาละลายลิ่มเลือด ลิ่มเลือดเหล่านี้ ที่เกิดขึ้นในหัวใจ ถ้าจังหวะไม่ดี ก็จะหลุดออกจากหัวใจไปยัง ส่วนอื่นของร่างกาย ไปที่สมอง ก็เป็นอัมพาต ไปที่ขา ก็จะเกิดเส้นเลือดแดงอุดตัน เหมือนในผู้ป่วยรายนี้ครับ จุดที่อุดตัน คือ จุดที่เส้นเลือดแตกแขนงจากเส้นเลือดที่ใหญ่กว่าแยกเป็นเส้นเลือดที่เล็กลง และ จุดที่อุดตันบ่อยที่สุดคือที่ขาหนีบ ซึ่งจะทำให้มีอาการเท้าดำตั้งแต่ ระดับข้อเท้าลงไป (ในความจริง เมื่อลิ่มเลือดอุดตันที่ขาหนีบ เลือดไหลไม่ดี ตั้งแต่ต้นขาลงไปแล้วครับ แต่ที่ต้นขาและเข่ายังไม่ขาดเลือดจนเป็นสีดำ เพราะมีเลือดจากเส้นเลือดฝอยๆ ไปเลี้ยงเนื้อเยื่อตรงส่วนต้นขาบางส่วนอยู่ครับ)
–อาการเส้นเลือดอุดตันเฉียบพลัน จะปวดที่ตรงส่วนปลายถัดจากจุดที่เส้นเลือดอุดตัน ปวดมากๆ ไม่ว่าจะเป็นปลายเท้า หรือ ปลายมือ และ ส่วนนั้น สัมผัสแล้ว จะเย็นกว่าที่อื่นมากๆ อาการปวด ปวดแบบมากมาย ยิ่งเวลาออกแรง เช่น เดิน ก็จะปวดยิ่งขึ้น… หาก เป็นมาก หรือปล่อยไว้นาน จะมีอาการชา (ซึ่ง การที่ผู้สูงอายุ บอกให้ถอดถุงเท้า เพราะว่าชา เหมือนใส่ถุงเท้าอยู่) และ ลงเอยด้วยกล้ามเนื้ออ่อนแรง และ ผิวหนังเปลี่ยน สี คล้ำ และ ดำ … ถ้าผ่าตัดรักษาทันภายใน 4-6 ชั่วโมง อาการต่างๆ ก็ฟื้นคืนกลับเป็นปกติได้ แต่ถ้ารักษาไม่ทัน อาการก็จะมากขึ้น และ สุดท้ายต้องตัดขา ผ่าตัดเอาเนื้อส่วนที่ตายออกไป เพื่อป้องกันอันตรายที่อาจจะเกิดขึ้นจากของเสียในเนื้อส่วนที่ตายไปครับ
-น่ากลัวไหมครับ .. คนสูงอายุที่สื่อสารกันไม่ค่อยรู้เรื่อง หากเราพอมีความรู้เรื่องโรคเหล่านี้บ้าง และคอยสังเกต ก็อาจจะผ่อนหนักเป็นเบาได้นะครับ ทำให้ตรวจพบความผิดปกติได้ก่อนที่โรคจะเป็นมากและรักษายากนะครับ