สเต็มเซลล์ที่ใช้ได้จริง ใช้กับ ลูกตา

-เพื่อนเล่าให้ฟังว่า ตามองไม่ค่อยชัด ไปหาหมอตา ได้รับคำบอกเล่าว่า ที่กระจกตา เป็นแผล เป็น รูๆ หลายตำแหน่ง มาก ต้องรักษาด้วยการผ่าตัดเปลี่ยนกระจกตา ซึ่ง ต้องรอคิวคนบริจาคกระจกตา (จากผู้เสียชีวิตและแสดงความจำนงในกากรบริจาคอวัยวะไว้) ซึ่งต้องรอคิวนาน ไม่รู้เมื่อไหร่จะได้คิว … ทำให้ผม นึกถึง การรักษา ด้วย stem cell ที่ศิริราช ได้แถลงข่าวความสำเร็จไป เมื่อหลายปีก่อน

-ในวงการแพทย์ เราได้ยินเรื่องของ Stem cell กันมากมาย เหมือนหนึ่ง เป็นของวิเศษ ที่จะมาช่วยแก้ไขปัญหา เรื่อง โรคชรา และ ความเสื่อมต่างๆ เพราะโดยพื้นฐานแล้ว คำว่า “Stem cell” คือ เซลล์ที่เป็นตัวอ่อน ซึ่ง อ่อนมากๆ ที่พร้อมที่จะพัฒนา ไปเป็น เซลล์อะไรก็ได้ ไปเป็นเม็ดเลือด กล้ามเนื้อ ผิวหนัง ตา ตับ ไต ได้หมด ขอมีแค่ stem cell เอาไปปลูก ไปเลี้ยง มันก็จะโตขึ้น และ กลายเป็น อวัยวะใหม่ที่มีอายุน้อย (เหมือนเด็กแรกเกิด) พร้อมให้เราใช้งานไปได้อีกนาน ประมาณ กลุ่มเดียวกับ ยา อายุวัฒนะ … จึงมีการ โฆษณาต่างๆ มากมายในการใช้ stem cell ว่าทำให้ ผิวพรรณเต่งตึง ข้อต่อต่างๆ ไม่เสื่อม โรคหัวใจก็รักษาหาย โรคไตก็รักษาหาย อะไรประมาณนั้น … ซึ่งน่าเสียดายที่ ในปัจจุบัน การศึกษาทางวิทยาศาสตร์การแพทย์ ยังไม่มีข้อมูลใดยืนยันว่าได้ผล ตามรายละเอียดที่เล่ามาข้างต้น .. แต่หนึ่งในการใช้งานได้ผลแน่ๆ คือ การใช้ stem cell  กับกระจกตา ครับ

กระจกตา เหมือนด่านหน้าในการมองเห็น เหมือนหน้าต่าง ที่เรามองออกไปนอกบ้าน ถ้า กระจกตาขุ่น หรือ ผิดรูปร่างไป ก็เหมือนหน้าต่าง ที่เป็นฝ้า ทำให้เรามองไม่เห็นข้างนอกบ้านได้ จึงมีความสำคัญอย่างยิ่ง … แต่ด้วยความพิเศษของกระจกตา ที่ต้อง ใส ให้แสงผ่านได้เป็นอย่างดี กระจกตา จึงมีเลือดไปเลี้ยงน้อยมาก ทำให้เวลาเป็นแผล จะหายช้ามาก และ ถ้าแผลมีขนาดใหญ่ หรือ อักเสบ การหายจะยิ่งช้าเข้าไปอีก และ บ่อยครั้งเมื่อหายช้า ก็จะเกิดแผลเป็น ดึงรั้งให้กระจกตาผิดรูป และ ฝ้าขุ่น ซึ่ง เมื่อเป็นฝ้า หรือ ผิดรูปแล้ว ก็จะเป็นถาวร ไม่หายเอง การผ่าตัดแก้ไข ก็ทำไม่ได้ นอกจาก เปลี่ยนกระจกตาใหม่ … สาเหตุที่กระจกตา เกิดแผลขึ้น มักจะเกิดจากาอุบัติเหตุ เช่น ไปเกี่ยวข้าว ฟางข้าวบาด . เอามือไปขยี้ตาแรงๆ , เศษไม้ เศษหินและ ดิน กระเด็นเข้าใส่, หรือบางครั้ง แพ้สารเคมี หรือ โดนสารเคมี ฯลฯ

-แผลที่กระจกตา เมื่อเป็นแล้ว หากไม่หาย ไม่มีช่องทางอื่นเลย นอกจาก ขอเอากระจกตาของผู้ที่บริจาค (และเสียชีวิตแล้ว) มาใส่แทน เป็นเรื่องที่ซับซ้อน และ ต้องรอ และ แล้วแต่ ดวง (ว่าจะมีคนบริจาค ที่สามารถเข้ากับตัวเราได้ไหม) เอาแน่ไม่ได้ หากไม่ได้กระจกตามาเปลี่ยน ก็มีสภาพเหมือนคนตาบอด หรือ ใกล้บอดไปเรื่อยๆ เป็นปี หรือ หลายปี

การใช้ stem cell มาเปลี่ยนกระจกตา มีการทำอยู่ 3 แบบ โดยแบบแรก เอา สเต็มเซลล์ของเนื้อเยื่อตา ซึ่งอยู่ตรง ตำแหน่ง Limbus คือ รอยต่อของตาดำ กับ ตาขาว บริเวณนี้ เป็นเซลล์ตัวอ่อนของลูกตา ตัดเนื้อเยื่อตรง Limbus เป็นชิ้นเล็กๆ ขนาด 2 X 2 มิลลิเมตร และ มาเลี้ยง ใน รก ซึ่ง ได้จากการคลอดบุตร เลี้ยงจน stem cell นี้ เติบโตเป็นแผ่นเหมือนกระจกตาขนาดปกติ แล้ว นำแผ่นกระจกตาที่เราเลี้ยงไว้ ไปผ่าตัดใส่ให้ผู้ป่วย … แบบที่ 2 คือ เอา เซลล์จากกระพุ้งแก้ม ไปเลี้ยง ให้ โต เป็นกระจกตา แล้วนำไปปะ … ส่วนแบบที่ 3 ซึ่งนิยมใช้ในปัจจุบัน คือ เอา stem cell จากบริเวณ Limbus เจาะออกมาเป็นชิ้นเล็กๆ และ ไปปลูกในบริเวณที่เป็นแผลทันที และ ปล่อยให้ เซลล์เหล่านั้น โตเป็นกระจกตา ตรงตำแหน่ง ของกระจบตาจริงๆ เลย ไม่ต้องผ่าตัดอีกครั้ง … วิธีนี้ เป็นที่นิยม และได้ผลดี

-จะเห็นว่า แนวคิดเรื่อง stem cell นั้นดีมาก คือ เปลี่ยนเซลล์ต้นกำเนิด หรือ สเต็มเซลล์ ให้กลายเป็นเนื้อเยื่อเพื่อทดแทนส่วนที่เสียหายไป … เพียงแต่ที่น่าเสียดาย คือ ยังมีการรักษาด้วย  stem cell ที่ได้ผล จำนวนจำกัด ส่วนใหญ่รักษาไม่ได้ผล … หนึ่งในการรักษาที่ได้ผล คือ การปลูก stem cell  เพื่อทดแทนกระจกตา นับเป็นการรักษาทางการแพทย์ที่คุ้มค่าอย่างมากครับ


สเต็มเซลล์ที่ใช้ได้จริง ใช้กับ ลูกตา