รักษาเส้นเลือดแดงใหญ่โป่งพอง(AAA) ไม่น่ากลัวเหมือนในอดีต

-สำหรับแพทย์ในยุคที่เรียนจบก่อนปี 2540 ทุกคนจะรู้จักความรุนแรง และ ความยากของการรักษา เส้นเลือดแดงใหญ่โป่งพอง (aortic aneurysm) ซึ่งที่พบบ่อยคือในช่องท้อง หรือ AAA (abdominal aortic aneurysm) ซึ่งผ่าตัดโดยศัลยแพทย์หลอดเลือด และ ในช่องอก หรือลูกผสมช่องท้องและช่องอก ซึ่งต้องอาศัย ศัลยแพทย์ทรวงอกช่วยในการผ่าตัด

-การรักษา เส้นเลือดแดงใหญ่โป่งพอง (aortic aneurysm) มีความเสี่ยงสูง อัตราตายระหว่างการรักษาสูงถึง 80% ถ้าเป็นการรักษาตอนที่เส้นเลือดโป่งพองนั้นแตก (ruptured aortic aneurysm) การรักษาในอดีต คือ ศัลยแพทย์ต้องผ่าตัดเข้าไปในช่องท้องหรือช่องอก และ ควบคุมเส้นเลือดส่วนต้นและส่วนปลาย ตัดเส้นเลือดส่วนที่โป่งพองหรือแตกออก และ นำเส้นเลือดเทียมเข้าไปใส่แทนที่ เย็บซ่อมเส้นเลือดเทียมกับเส้นเลือดจริง ทั้ง  2 ด้าน … หากจุดที่โป่งพอง ผ่านจุดเชื่อมต่อของเส้นเลือดที่ไปเลี้ยงไต หรือ ลำไส้ ต้องต่อเส้นเลือดเทียมเข้ากับเส้นเลือดเหล่านั้นด้วย… ที่เล่ามาทั้งหมดนี้ต้องทำงานแข่งกับเวลาเพราะ ถ้าหากหลุดการไหลเวียนของเลือดเพื่อต่อเส้นเลือด เนื้อเยื่อบริเวณ ขาและลำตัวท่อนล่างจะไม่มีเลือดไปเลี้ยง และเกิดภาวะของเสียคั่ง ซึ่งของเสียจากภาวะขาดเลือด เป็นอันตรายต่อร่างกายและอวัยวะต่างๆ ถึงกับเสียชีวิตได้ครับ

การผ่าตัดรักษา AAA จึงเป็นที่รู้จักกันในหมู่นักศึกษาแพทย์ และ แพทย์เป็นอย่างดี ว่า โหดแค่ไหน ทั้งต้องเก่ง ต้องเร็ว ต้องเนี๊ยบ (ซ่อมแล้วต้องไม่รั่ว) ทีมใหญ่ เสียเลือดมาก (ใช้เลือดครั้งละ 10-20 ถุง) แถมยังพบบ่อยในคนสูงอายุ ซึ่งมีโรคประจำตัวต่างๆ มากมาย เป็นโรคที่น่ากลัวและท้าทายมากครับ .. แต่ปัจจุบัน สถานการณ์ต่างๆ เปลี่ยนแปลงไปโดยสิ้นเชิง ด้วยมีวิธีการรักษา ที่เรียกว่า EVAR (endovascular aortic aneurysm repair) คล้ายกับการทำ stent ในโรคหลอดเลือดหัวใจ โดยการสอดสายเข้าทางเส้นเลือดแดงใหญ่ และเมื่อถึงตำแหน่งที่มีการโป่งพองของเส้นเลือด ก็นำขวดลวดไปยืดขยายตัว และถ่างปิดช่องที่โป่งพอง ทำทางเดินให้กับเลือดในหลอดเลือดแดงใหญ่เสียใหม่ (ซ่อมจากด้านใน) ซึ่ง ใช้เวลาไม่มาก แทบจะไม่เสียเลือดเลย และยังได้ผลดี ทำในคนที่มีโรคร่วมได้ด้วย อีกทั้ง ทำได้แม้แต่ในภาวะฉุกเฉิน … เราจึงไม่ค่อยได้เห็นการผ่าตัด AAA ในปัจจุบันอีกต่อไป เพราะส่วนใหญ่รักษาด้วย EVAR ซึ่งอัตราการเสียชีวิตเพียง 2-3% เทียบกับอัตราเสียชีวิต 80% ในอดีต

-ความก้าวหน้าทางการแพทย์นี้ มาพร้อมกับ ความสามารถของหมอ x ray ที่สามารถใช้เครื่องมือในการสังเคราะห์ ภาพ 3 มิติ ในศัลยแพทย์ด้านนี้มองเห็นภาพ มาพร้อมกับ การทำวัสดุที่เป็น stent ที่ทันสมัย (ทนทาน ยืดหด โค้งงอ ได้ดี และ ไม่ทำปฏิกริยากับร่างกาย) และที่ สำคัญคือ ศัลยแพทย์หรือรังสีแพทย์ที่เชี่ยวชาญ ฝึกฝนการสอดสาย กำหนดตำแหน่ง และ ควบคุมเครื่องมือที่จะปล่อยขดลวด stent ได้อย่างที่เราตั้งใจ (ขอบคุณที่หมอยุคใหม่ เล่นเกมส์คอมพิวเตอร์แต่เด็ก)

-อย่างไรก็ดี ก็ยังพบคนเสียชีวิตจากเส้นเลือดแดงใหญ่โป่งพองอยู่ เพราะบางคนมีอาการน้อยมาก หรือไม่มีอาการ ปัจจัยเสี่ยงของภาวะนี้คือ อายุมาก ความดันโลหิตสูง และ เพศชาย(ผู้ชายเป็นมากกว่าผู้หญิง 3 เท่า)  อาการที่พบ อาจจะเป็นการปวดท้อง ปวดหลัง ปวดสะดือ แน่นหน้าอก หรือ เคยได้รับอุบัติเหตุจากที่สูงหรือกระแทกที่ช่องท้อง และ ส่วนใหญ่พบว่า มีโรคความดันโลหิตสูงร่วมด้วย อาการอื่นที่อาจจะพบได้ คือ สังเกตเห็นท้องท้องเต้นตามชีพจร หรือ บางราย ที่มีผลทำให้เลือดไหลเวียนไม่ดี อาจจะมีอาการของการขาดเลือดของบริเวณขา เท้าเย็น ปวดเวลาเดินนาน ฯลฯ

-รู้ไว้พอสังเขป ครับ พบไม่บ่อยนะครับ แต่ถ้ามีอาการแปลกผิดปกติ หรือ ตรวจพบว่าเป็นก็รีบรักษาครับ ปัจจุบัน การรักษาดีมาก ทันสมัยมาก โอกาสหายมีค่อนข้างสูงครับ ไม่เหมือนในอดีต … หมอเดี๋ยวนี้ ไม่ค่อยต้องเจอกับสถานการณ์ที่น่ากลัวของ เส้นเลือดแดงใหญ่โป่งพอง (aortic aneurysm) แล้วครับ

 


รักษาเส้นเลือดแดงใหญ่โป่งพอง(AAA) ไม่น่ากลัวเหมือนในอดีต