ปริยัติ ปฏิบัติ ปฏิเวธ

ธรรมะ สอนเรา ว่า สิ่งที่เรากระทำ อย่างเป็นระบบ เพื่อตอบสนองสิ่งต่างๆให้ดีขึ้น มี 3 ระดับ คือ ปริยัติ ปฏิบัติ และ ปฏิเวธ … ซึ่งพอ เป็นภาษาพระ ภาษาบาลี ทำให้หลายคนรู้สึกว่า เข้าใจยาก .. แต่ในความจริงแล้ว คือ แก่น คือ เคล็ดวิชา  ซึ่ง จำง่าย และ อธิบาย ทุกสิ่ง ที่จำเป็น สำหรับ การพัฒนา ไปในทางที่ดี ที่ถูก

ต้องใช้ภาษาฝรั่ง มาอธิบาย คนยุคใหม่ ถึงเข้าใจ

ทุกสิ่งนั้นเกิดแก่เหตุ และ ธรรมะ หรือ ธรรมชาติ ย่อมเปลี่ยนแปลงไปตลอดเวลา ขึ้นอยู่กับ เหตุ ที่มากระทำ เมื่อมีการกระทำ ก็มีผลของการกระทำ และ ทำให้ ธรรมชาติ นั้นเปลี่ยนไป ไปอยู่ใน สถานะใหม่ บริบทใหม่ และ เดินหน้าตามวิถี เปลี่ยนแปลงต่อไปเรื่อยๆ แล้วแต่ ว่า จะมีเหตุ หรือ การกระทำอะไรมากระทบ ไปอย่างนี้ เรื่อยๆ ไม่รู้จบ และ ธรรมชาติ ไม่เคยหลอกเรา มีเหตุใด ก็จะได้ผลอย่างนั้น จึง สรุป ว่า เป็นเรื่องของ กรรม และผลของกรรม

ในการก่อเหตุ หรือ ก่อกรรม เป็นสิ่งที่เกิดจากการปฏิบัติ หรือ action ซึ่ง หากเราจะ ทำกรรมใดให้ดี  ย่อมต้องมี input ที่เป็น cognitive หรือ ความรู้ เป็นทุน หรือ มีการรับรู้ เป็นทุน เพื่อกระตุ้น ให้ เกิดการกระทำ หรือ การปฏิบัติ หรือ action ซึ่งในระหว่างการกระทำนั้น แค่มีความความรู้ การรับรู้ หรือ input ก็ยังไม่สามารถทำให้เกิด การ กระทำได้ จำเป็นต้อง implement จึงจะเกิดการกระทำ และ การกระทำ จะได้ผลมากน้อยแค่ไหน ก็มีเหตุปัจจ้ยจาก process และ skill ดี ขั้นตอนของการกระทำ และ ทักษะ ของผู้กระทำ เมื่อกระทำแล้ว ก็ทำให้ เหตุปัจจัยเปลี่ยน และ การจะกระทำสิ่งใดให้ดี ต้องมี ปริยัติ และ ตามด้วยปฏิบัติ จึงเกิด กรรมขึ้น

เมื่อเกิดกรรมขึ้น หรือ ปฏิบัติแล้ว ก็ยังไม่แน่ว่าจะได้ผลดี จึงจำเป็นต้องมี ปฏิเวธ หรือ การรับรู้ผลของการกระทำนั้น ซึ่ง ทางฝรั่ง เรียกว่า evaluation และ มักจะบอกว่า อะไรที่วัดไม่ได้ ถือว่า ไม่มี … ดังนั้น การรับรู้ผลของการกระทำว่า ได้ผล output outcome และ impact ยังไง หรือ มี ปฏิเวธด้วย จึงจะรู้ว่า การปฏิบัติของเรานั้นได้ผลหรือไม่ ลำพัง แต่ ประกอบกรรม แล้ว ไม่ได้ติดตามดูผลของกรรม ก็ไม่สามารถพัฒนา ให้เป็นกรรมที่ดี ที่สมบูรณ์ได้

ปฏิเวธ หรือ การรับรู้ผลของกรรม หรือ การกระทำ จะทำให้เราได้เรียนรู้ และ การเรียนรู้ดังกล่าว ทางฝรั่ง เรียกว่า feedback ซึ่ง กระบวนการ เรียนรู้จาก ปฏิเวธนี้ จะทำให้ เรารู้ว่า การปฏิบัติใดชอบ ปฏิบัติใดไม่ชอบ ปฏิบัติใดให้เกิดผล ปฏิเวธที่ดี เมื่อมีการเรียนรู้ หรือ feedback ก็จะทำให้เรารู้ว่า เราควรประกอบกรรมนั้นซ้ำอีก หรือ ไม่ หรือ กลับไปมองหา search หรือ สืบค้น investigate ว่ามีความรู้ใดอีกที่สามารถนำมาใช้ได้ มีข้อบกพร่องที่จุดใดอีก เป็น ปริยัติ หรือ ความรู้ ที่จะนำมาพัฒนาการปฏิบัติ หรือ การประกอบกรรมของเราให้ดียิ่งๆ ขึ้น และ เมื่อปฏิบัติแบบใหม่ implement สิ่งใหม่ ด้วย process และ skill ใหม่ ก็เป็น CQI (continuous quality improvement) หรือ นวัตกรรม innovation  เป็น กรรม แบบใหม่ และ เกิดผลของกรรมแบบใหม่ เมื่อเราปฏิบัติเสร็จ ก็เข้าสู่การทำ ปฏิเวธ วนเรื่อยๆ ไป เป็นการพัฒนา และ การเรียนรู็แบบครบวงจร

ปริยัติ ปฏิบัติ ปฏิเวธ

ธรรมะ ก็ยังคงเดินหน้าต่อไป ตามวิถี แล้วแต่ว่าจะมี กรรมใด มากระทบ 


ปริยัติ ปฏิบัติ ปฏิเวธ