เห็นมากับตา อาจจะไม่จริง

-หลายเรื่อง ที่เราได้ยิน ได้ฟัง จาก คนที่เล่าให้เราฟัง ซึ่ง เขา เชื่อว่าเป็นอย่างนั้นจริง อาจจะไม่จริง … ในทางนิติวิทยาศาสตร์ พยานบุคคล จึงเชื่อถือได้น้อยกว่า หลักฐานทาง นิติวิทยาศาสตร์... ลองดูว่า สมองคนเรา แปลความเรื่องราวต่างๆ มีข้อจำกัดอย่างไรบ้างครับ … กรณีศึกษานี้เรียกว่า “Change Blindness”

-มีการทดลอง ไป ถามทาง เสมือนหนึ่ง เป็นคนแปลกหน้าที่ไม่รู้จักทาง โดย ชายคนที่ 1 ถือแผนที่ เข้าไปถามทาง และ จู่ๆ ก็มีคน 2  คน ถือภาพวาด เดินแทรกเข้ามาระหว่างกลาง ขณะนั้น ก็มีการเปลี่ยนตัว คนที่ถามทางจากชายคนที่ 1 เป็น ชายคนที่ 2 เมื่อคนถือภาพวาดเดินผ่านไปแล้ว ก็มีการถาม และ บอกทางกันต่อ โดยที่ คนที่ กำลังบอกทาง (ถูกถาม) ไม่ได้สังเกต หรือ รับรู้ว่า คนที่กำลังถามทางตนเอง นั้น เป็นคนละคน กับคนก่อนหน้านี้ที่ถามทางเราอยู่ ทั้งๆที่ มี ความแตกต่าง เช่น เสื้อผ้า หน้าตา เสียง

-ผลการศึกษา เมื่อ ถามคนที่บอกทาง หลังจาก การถามทางจบสิ้นไปแล้ว คนส่วนใหญ่ จะบอกว่า คนที่ ถือภาพเดินผ่าน แทรกเข้ามา หยาบคาย ไม่มีมารยาท และมีเพียง 7 ใน 15 คน เท่านั้น ที่สังเกต ได้ถึงความแตกต่าง แต่ ก็ยังบอกทางให้ต่อ เสมือนหนึ่งว่า ไม่มีอะไรเกิดขึ้น … ส่วนคนที่ ไม่ได้สังเกต เห็นความแตกต่าง ล้วนรู้สึกประหลาดใจ ว่า ที่ตนเอง อธิบายอยู่นั้น เป็น คนละคนกันหรือ

-ที่น่าสนใจ คือ คนที่ไม่สังเกตเห็นความแตกต่าง จะอายุน้อยกว่า คือ ระหว่าง 20-30 ปี ขณะที่คนสังเกต เห็นความแตกต่าง อายุระหว่าง 35-65 ปี

-จาก เหตุการณ์ข้างต้น แสดงให้เห็นกว่า การรับรู้ของคนเรา มีข้อจำกัด ค่อนข้างมาก และ ก็เป็นช่องทาง ที่ เราจะถูกหลอก ได้ง่าย ด้วยข้อจำกัดเหล่านั้น … การมีเทคโนโลยี ที่ดี และซื้อสัตย์ จะช่วยลดข้อจำกัดต่างๆของคนเรา … แต่ทุกวันนี้ บางที เทคโนโลยี ก็เป็นตัวหลอกเราเสียเอง และ มีความสามารถ ในการ เปลี่ยนแปลงรายละเอียด ได้เนียนกว่า ธรรมชาติมาก  จึงเป็นสิ่งที่คนเราต้องปรับตัวกันอย่างมากในโลกยุคใหม่ครับ

-การยอมรับว่า เรามีข้อจำกัด จะช่วยให้เกิด ต่อม เอ๊ะ และ การมีสติ จะช่วยลดปัญหานี้ได้ครับ … การปักใจ เชื่อ เรื่องใดเรื่องหนึ่ง ถือเป็นความเสี่ยงครับ


เห็นมากับตา อาจจะไม่จริง