ทำไม หลังผ่าตัดช่องท้อง หมอถึงบอก ให้เดินเยอะๆ

-หลายคนหลังได้รับการผ่าตัดช่องท้อง ไม่ว่าจะ ตัดไส้ติ่ง ตัดมดลูกรังไข่ หรือ ผ่าตัดลำไส้ คุณหมอผ่าตัดมักจะบอกให้ลุกขึ้นเดินตั้งแต่วันแรกๆ หลังการผ่าตัด ทั้งๆ ที่ยังเจ็บแผลอยู่เลย

-คุณหมอ กลัวว่า หากไม่รีบขยับ ลำไส้ที่ไม่ขยับ จะมีพังผืด เกิดขึ้นในช่องท้อง และ เมื่อเกิดพังผืดขึ้น ลำไส้ซึ่งปกติจะ ลอยไปลอยมาได้อย่างอิสระในช่องท้อง จะมีผนังที่มาแปะติดกัน ทำให้ เคลื่อนที่ไม่ได้สะดวก และ เกิดภาวะลำไส้อุดตัน ปวดท้องมากๆ ได้ในภายหลัง … ความรู้หรือข้อสังเกต ดังกล่าว ศัลยแพทย์รู้จักดี และ รู้กันมานานแล้ว … ลองมาดูซิว่า มีข้อพิสูจน์ ทางการแพทย์ไหมครับ

-ได้มีการศึกษา ในอาสาสมัคร ที่เป็นนักกรีฑา อายุเฉลี่ย 22 ปี จำนวน 15 คน (ชาย 9  หญิง 6) ทั้งหมดไม่มีปัญหาโรคเกี่ยวกับทางเดินอาหาร โดยมีการจดบันทึก การกินอาหาร(ชนิดและปริมาณ) เวลากินอาหาร เวลาออกกำลังกาย รวมถึงการขับถ่ายอุจจาระ โดยแบ่งการศึกษา เป็น ช่วงละ 1 สัปดาห์ 2 ช่วง คือ ช่วงปกติ ที่ไม่ได้มีการฝึกซ้อมออกกำลังกาย และ ช่วงที่ออกกำลังกายต่อเนื่อง อย่างน้อยวันละ 1-2 ชั่วโมง … นอกจากการจดบันทึกข้อมูลแล้ว ยังมีการตรวจดูการเคลื่อนที่(หรือการบีบตัว) ของลำไส้ โดยการกลืน เม็ดแคบซูลที่บรรจุสารทึบรังสีที่สามารถ เอกซเรย์มองเห็นได้ 2 ลักษณะ ให้กิน ตามช่วงเวลา ที่กำหนด เพื่อดูการเคลื่อนที่ของ แคบซูล รูปร่าง ต่างกัน โดย แคปซูลกลุ่มแรก ดูการเคลื่อนที่ของลำไส้ใหญ่ และ อีกกลุ่มหนึ่ง ดูการเคลื่อนที่ของลำไส้เล็ก ทำการ เอกซเรย์ เพื่อดูตำแหน่ง การเคลื่อนที่ว่า ผ่านจากจุดหนึ่ง ไปอีกจุดหนึ่ง ใช้เวลาเท่าไหร่

-จากการศึกษานี้ พบว่า ช่วงเวลาที่ออกกำลังกาย จะมีการเคลื่อนที่ของ อาหาร ผ่านลำไส้เล็ก เร็วกว่า ช่วงที่ไม่ได้ออกกำลังกาย (คือ ลำไส้มีการเคลื่อนไหวบีบตัว มากกว่า … ไม่อยู่กับที่) และ จำนวนครั้งของการถ่ายอุจจาระ มากกว่า อีกกลุ่มหนึ่ง ที่พัก ไม่ได้ออกกำลังกาย… ผลการศึกษานี้ พิสูจน์ยืนยันว่า สิ่งที่หมอผ่าตัดแนะนำนั้น เกิดขึ้นจริง คือ ถ้ามีการเคลื่อนไหวร่างกาย หรือ ออกกำลังกาย ลำไส้จะเคลื่อนที่ และ ขยับตัวมากกว่า

-นอกจากนี้ ยังมีการศึกษา ในคนจำนวนมาก ที่สนับสนุนว่า หากไม่มีการเคลื่อนไหว หรือมีกิจกรรมน้อย จะทำให้ลำไส้มีการเคลื่อนไหวน้อย และ มีปัญหา ท้องผูกได้ โดย เป็นการศึกษา ในประชากรกลุ่มใหญ่ จำนวน 11,766 คน สัมภาษณ์ ข้อมูลต่างๆ  เกี่ยวกับการออกกำลังกาย และ การขับถ่าย โดยจัดให้ กลุ่มที่ ถ่ายน้อยกว่า 3 ครั้งต่อสัปดาห์ เป็นกลุ่มที่มีอาการท้องผูก (ที่จริง มีการสอบถามเกี่ยวกับลักษณะอุจจาระว่า เหลว หรือแข็งด้วย ซึ่ง ได้ผลลัพธ์ในทิศทางเดียวกัน) ส่วนการแบ่งกลุ่มการมีกิจกรรมทางกายภาพ หรือ ออกกำลังกาย ตาม MET (metabolic equivalent time) เป็น 3 ระดับ คือ มีกิจกรรมทางกายภาพ น้อย จะน้อยว่า 500 นาทีต่อสัปดาห์ หรือน้อยกว่า วันละ 1 ชั่วโมง 10 นาที, กลุ่มที่ 2 มีกิจกรรมทางกายภาพ หรือออกกำลังปานกลาง คือ มากกว่า 500 นาทีต่อสัปดาห์ แต่ไม่ถึง 3000 นาทีต่อสัปดาห์ หรือ ประมาณ วันละ ไม่เกิน 7 ชั่วโมง และกลุ่มที่ มีกิจกรรมทางกายภาพ มาก จะออกกำลังหรือมีกิจกรรมทางกายภาพ มากกว่า 3000 นาทีต่อสัปดาห์ หรือ ประมาณ วันละ มากกว่า 7 ชั่วโมง

-ผลการศึกษานี้ พบว่า กลุ่มที่ท้องผูก ส่วนใหญ่ ถึง 49% จะมีกิจกรรมทางกายภาพน้อย ขณะที่ กลุ่มที่ไม่มีปัญหาเรื่อง ท้องผูก จะมีกิจกรรมทางกายภาพ มาก ปานกลาง และ น้อย กลุ่มละ  33%  เท่ากัน … จากข้อมูลนี้ พบว่า หากมีกิจกรรมทางกายภาพ น้อยกว่าวันละ ประมาณ 1 ชั่วโมง หรือ 500 นาทีต่อสัปดาห์ มีโอกาส ท้องผูก สูงมากกว่า คนที่มีกิจกรรมทางกายภาพ

-ขยับตัวบ้างนะครับ การอยู่นิ่งๆ เป็นปัจจัยหนึ่ง ที่ทำให้ลำไส้ไม่เคลื่อนไหว ทำให้ท้องผูก … เวลาหมอผ่าตัด บอกให้ลุกเดินบ่อยๆ หลังผ่าตัดทันที ตอนนี้ ก็พอเข้าใจถึงเหตุผลที่อยู่เบื้องหลังกันนะครับ


ทำไม หลังผ่าตัดช่องท้อง หมอถึงบอก ให้เดินเยอะๆ