นิ่วถุงน้ำดี และ นิ่วท่อน้ำดี ต่างกันอย่างไร

-เรามักจะได้ยินเรื่อง ผ่าตัดถุงน้ำดี และ “นิ่วถุงน้ำดี” กันอยู่บ่อยๆ แต่มีอีกภาวะหนึ่ง ที่เราอาจจะได้ยินไม่บ่อย คือ “นิ่วท่อน้ำดี” ซึ่งพบน้อยกว่า

นิ่วในทางเดินน้ำดี เกิดจากการตกตะกอนของ สารละลายในน้ำดี ซึ่ง เป็น สารคัดหลั่งจากตับ ที่ช่วยในการย่อยไขมัน โดยทั่วไป น้ำดี เมื่อถูกผลิตจากตับ จะไหลมาตามท่อน้ำดี ซึ่ง จะไหลไปสู่ลำไส้เล็กส่วนต้น เพื่อผสมกับอาหารให้ย่อยไขมันได้ง่ายขึ้น ในท่อน้ำดีที่เชื่อมระหว่างตับกับลำไส้เล็ก จะมีท่อแยก ออกไปติดกับถุงน้ำดี ที่ทำหน้าที่เป็นถังพักน้ำดี หรือ แก้มลิง ไว้เก็บน้ำดีที่ผลิตออกมา แต่ ยังไม่ถึงมื้ออาหาร รวมๆกันไว้ให้มีปริมาณมากๆ หน่อย พอกินอาหารที่มีไขมัน ถุงน้ำดี ก็จะบีบน้ำดีที่เก็บไว้ ออกมาตามท่อน้ำดี ลงสู่ลำไส้เล็กต่อไป

-ด้วยความที่ ถุงน้ำดี เป็นกะเปาะพักน้ำดี ซึ่ง น้ำดีจะขังอยู่ในนี้ เป็นเวลาพอสมควร ดังนั้น หากน้ำดีที่ผลิตออกมา มีสารที่พร้อมจะตกตะกอนกลายเป็นนิ่ว จึงมีการจับตัวกันเป็นนิ่วที่ตำแหน่งถุงน้ำดีได้บ่อย และ หาก นิ่วนี้ หลุดออกจาก ถุงน้ำดี แต่ ไปอุดตันที่ทางออกของถุงน้ำดี ก็จะเกิดการคั่ง และ อักเสบ เกิดภาวะถุงน้ำดี อักเสบ ซึ่ง อันตรายมาก อาจจะถึงกับติดเชื้อในกระแสเลือด และ เสียชีวิตได้ … ดังนั้น เวลา ตรวจพบนิ่วในถุงน้ำดี บางครั้ง แพทย์ก็จะแนะนำให้ผ่าตัด เอาถุงน้ำดีออกไปเลย เพื่อป้องกันปัญหา นิ่วน้ำดี อุดตัน และ ถุงน้ำดีอักเสบ เราจึงได้ยินเรื่อง การผ่าตัดถุงน้ำดี บ่อยๆ

-นิ่วในท่อน้ำดี เกิดน้อยกว่า เพราะ ว่า ท่อน้ำดีมีขนาดใหญ่กว่า ท่อที่ออกจากถุงน้ำดี ดังนั้น นิ่วที่หลุดจากถุงน้ำดีออกมาได้ มักจะ ไหลลงสู่ลำไส้ได้หมด ไม่ตกค้างอยู่ในท่อน้ำดี นอกจากบางกรณี เช่น มีนิ่วออกมาพร้อมๆกันจำนวนมาก และเกาะกัน เป็นก้อนใหญ่จน ขวางหรือใหญ่กว่า รูเปิดออกที่ลำไส้เล็ก ก็จะเกิดนิ่วอุดตันท่อน้ำดีได้ หรือ อาจจะเกิดจาก มีติ่งเนื้อหรือเนื้องอกที่ตับอ่อน ตรงตำแหน่ง ทางออกสู่ลำไส้เล็กของท่อน้ำดีขวางไว้ ทำให้ นิ่วไม่สามารถไหลลงสู่ลำไส้ เกิดนิ่วอุดตันในท่อน้ำดีครับ

-นิ่วท่อน้ำดี จะมีอาการต่างกับ นิ่วถุงน้ำดี พอสมควรครับ .. นิ่วถุงน้ำดี ถ้าไม่อักเสบ จะจุกแน่นหลังอาหารมื้อที่ไขมันสูง มักจะเป็นตอนเย็น และ จุกลิ้นปี่ หรือ ชายโครงขวา ร้าวไปกลางหลัง ส่วนนิ่วท่อน้ำดี ไม่ค่อยมีอาการปวดหรือจุกแน่น แต่ จะมีอาการที่เกิดจากน้ำดี คั่งในร่างกาย (เพราะ ไหลออกไปลำไส้ไม่ได้ จึงย้อนกลับไปในกระแสเลือด) จะมีอาการตัวเหลือง ตาเหลือง ปัสสาวะเข้ม และ คันตามตัว ซึ่ง ทั้ง 2 กรณี หากมีการติดเชื้อร่วมด้วย จะปวด เป็นไข้ และ กดเจ็บใต้ชายโครงขวา ถ้าอักเสบแล้ว จะเป็นภาวะเร่งด่วนที่ต้องรับการรักษา

-การรักษานิ่วถุงน้ำดี คือ การผ่าตัดถุงน้ำดีออก ซึ่ง ปัจจุบันมีการส่องกล้องผ่าตัดออก ส่วนนิ่วท่อน้ำดี ใช้การรักษา โดยการคีบนิ่วออกจากท่อน้ำดี โดยย้อนทางจาก รูเปิดท่อน้ำดีที่ลำไส้เล็ก ด้วยการส่องกล้อง ผ่านปาก หลอดอาหาร กระเพาะอาหาร ลำไส้เล็ก และ มองเห็นรูเปิดของท่อน้ำดี จากนั้น จึงนำเครื่องมือ ไปคีบเอานิ่วออก ไม่ต้องผ่าตัดใหญ่ครับ วิธีการนี้เรียกว่า ERCP (Endoscopic retrograde cholangiopancreatography) ครับ

 


นิ่วถุงน้ำดี และ นิ่วท่อน้ำดี  ต่างกันอย่างไร