–อาการปากเบี้ยว เจอได้บ่อยใน 2 กลุ่มโรค คือ อัมพาต(จากเส้นเลือดสมอง) และ จากเส้นประสาทสมองคู่ที่ 7 ซึ่ง อาการที่ปรากฏบริเวณใบหน้าคล้ายกัน แต่ การเกิดโรคและการรักษาแตกต่างกันมาก
-อัมพาต เกิดจากการขาดเลือด หรือ เลือดออกในเนื้อสมอง มักจะทำให้มีความผิดปกติ กับบริเวณที่สมองส่วนนั้นกำกับดูแล คนที่มีปากเบี้ยวจากอัมพาต มักจะมีปัญหาอ่อนแรง ของ แขน และ ขา ฝั่งตรงข้ามด้วย และ หากเป็นที่สมองซีกซ้าย ปากเบี้ยวซ้าย แขนขาอ่อนแรงด้านขวา ก็อาจจะมีปัญหาในการพูด และ สื่อสารด้วย … ส่วนปากเบี้ยวจาก เส้นประสาทสมองคู่ที่ 7 เป็นปากเบี้ยวที่ไม่ได้มีปัญหาในสมอง แต่ เป็นปัญหากับ เส้นประสาท หลังจากออกมาจากสมองแล้ว อาการส่วนใบหน้าจะคล้ายกับคนที่เป็นอัมพาตจากเส้นเลือดในสมอง แต่ จะไม่มีอาการอื่นๆ เลย ทั้ง เรื่อง แขนขาอ่อนแรง และไม่มีปัญหาด้านการพูด หรือ การสื่อสาร การนึกคิด สมองยังทำงานได้ดีทุกอย่าง แต่ไม่สามารถสั่งกล้ามเนื้อใบหน้าได้ เพราะสัญญาณที่ส่งไปกับ เส้นประสาทสมองคู่ที่ 7 ไม่สามารถส่งไปปลายทางถึงกล้ามเนื้อใบหน้าได้ กล้ามเนื้อใบหน้าจึงไม่ทำงาน ตาหลับไม่ได้ ยิ้มไม่ได้ หุบปาก จู๋ปาก ไม่ได้
-ปัญหาปากเบี้ยว จาก เส้นประสาทสมองคู่ที่ 7 เป็นอัมพาตนี้ เป็นปัญหา ที่เกิดอยู่ระหว่าง ทาง ที่เส้นประสาทเชื่อมจากสมอง ถึงกล้ามเนื้อใบหน้า ซึ่ง ในระหว่างทางนี้ เส้นประสาทจะต้องลอดผ่าน ช่องว่างของกะโหลกศีรษะ ตำแหน่งตรงส่วนฐาน กะโหลก (อยู่หลังจมูก เหนือ เพดานปาก และ ด้านใต้กกหู) ซึ่ง กระดูกส่วนนี้ เป็นช่องที่แคบมาก พอดีกับเส้นประสาทที่จะลอดออกมาได้ โดยไม่มีอันตราย โดยส่วนที่แคบที่สุด อยู่ติดกับ ด้านในสมอง และ โพรงกว้างขึ้นเรื่อยๆ จนถึงใต้กกหู (แต่ก็ยังแคบอยู่ดีครับ) ด้วยความที่ ร่องในกระดูกที่เส้นประสาทสมองคู่ที่ 7 วิ่งผ่านนี้ มีขนาดเล็ก และ แคบมาก ดังนั้น หาก เยื่อบุผิวที่อยู่ในโพรงนี้ เกิดปัญหา บวมขึ้นมาก จะกดเบียดเส้นประสาทได้ทันที และเมื่อเส้นประสาท ถูกเบียด จะนำสัญญาณได้ช้า หรือ ไม่ได้เลย ทำให้ สมอง สั่งคำสั่ง มาไม่ถึงกล้ามเนื้อใบหน้า จึงเกิดอาการปากเบี้ยวขึ้น
– ในปัจจุบัน ภาวะอัมพาตของเส้นเประสารทสมองคู่ที่ 7 หรือ ที่เรียกว่า Bell Palsy ยังไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัด มักจะคิดถึง การติดเชื้อไวรัส หรือ จากการอักเสบ (เพราะว่า เวลารักษาด้วย steroid ลดการอักเสบ ผู้ป่วยหลายคน อาการดีขึ้น) … แต่ก็มีคนพยายามหาสาเหตุที่แท้จริง …..และ มีการศึกษา พบว่า ในคนที่ป่วยด้วยโรค อัมพาตของเส้นประสาทสมองคู่ที่ 7 เมื่อทำการตรวจด้วย CT scan ความละเอียดสูง พบว่า ในหน้าซีกที่เป็นอัมพาต ร่องที่เส้นประสาทลอดผ่านที่ฐานกะโหลกศีรษะ มีขนาด แคบกว่าอีกข้างหนี่ง และ แคบกว่าปกติ จึงอาจจะช่วยยืนยันสมมุติฐาน ที่ว่า การเป็นอัมพาต ดังกล่าว เกิดจากการกดเบียนเส้นประสาท ในร่องที่กะโหลกศีรษะที่เส้นประสาทลอดผ่าน ซึ่งน่าจะเกิดจากการบวมของเยื่อบุผนังช่องดังกล่าวบวมขึ้นกว่าปกติ ครับ
-เหตุที่ เยื่อบุ ส่วนที่อยู่ที่ร่องกะโหลกศีรษะ นี้บวมขึ้น เพราะว่า การระบายของเลือดดำ ออกจากบริเวณดังกล่าว ผิดปกติ ระบายออกได้ช้าลง ทำให้ เลือดคั่ง ทำให้ เยื่อบุผิวบวมขึ้น ซึ่งการระบายเลือดดำออกจากบริเวณดังกล่าว จะมีกลุ่มของเส้นเลือดดำที่สานตัวกันเป็นร่างแห คอยรับเลือด และ ส่งต่อ ให้ ไหลไปสู่ เส้นเลือดดำใหญ่ที่ลำคอ (internal jugular vein) ดังนั้น หาก เลือดค้างอยู่ในเส้นเลือดำใหญ่ที่คอ มากๆ อยู่แล้ว เลือดดำ ก็ระบายออกจากบริเวณนี้ ก็จะระบาย ได้ช้า หรือได้น้อยลง (คล้ายๆ กับ ฝนตก น้ำท่วม ใน กทม ที่มีแต่ น้ำรอ การระบาย)
-มีการศึกษาพบว่า ในท่านั่ง กับ ท่านอน ขนาดของเส้นเลือดดำใหญ่ที่ลำคอ ในท่านอน มีขนาดใหญ่กว่า ท่านั่งมาก แสดงให้เห็นว่า เลือด คั่ง ในท่านอน มากกว่าในท่านั่ง (ท่านั่ง เส้นเลือดขนาดเล็กกว่า เพราะ แฟบ เลือดไหลผ่านไปหมดแล้ว จึงรับเลือด จากในสมองได้มากกว่า) ดังนั้น จึงส่งผล กลับไปถึง การระบายของเส้นเลือดในสมอง ในท่านอน จะระบายเลือด ได้ช้ากว่า ดังนั้น หากมีสภาวะอื่นๆ เช่น การเกร็งของกล้ามเนื้อที่อยู่บริเวณฐานกะโหลก และ ต้นคอ ทำให้ การไหลเวียน เลือดข้ากว่าปกติอยู่แล้ว พอ ตกกลางคืน ผู้ป่วย นอนราบ เลือดไหลเวียนยิ่งช้า การระบายเลือดออกจากสมองลดน้อยลง การบวมของเยื่อบุผิวที่บริเวณ ร่องกระดูก ก็จะมากขึ้นตาม ทำให้ เกิดการกดเบียดของ เส้นประสาทสมองคู่ที่ 7 ผู้ป่วยจึงมักจะ รู้สึกมีอาการทันที ตอนตื่นนอนเช้า
-การไหลเวียน เลือด หรือ ระบายเลือดจาก สมองช้าลง มักเกิดจากมีการขวางกั้น ของทางเดินเลือดดำ เพราะ แรงดันภายในเส้นเลือดดำ ต่ำมาก ไม่มีปั๊ม ปล่อยให้ไหลเองตามธรรมชาติ ดังนั้น หากระหว่างทาง ที่เส้นเลือดดำไหลผ่าน มีสิ่งกีดขวาง หรือ การเกร็งตัวของกล้ามเนื้อในบริเวณที่เป็นทางผ่าน(ต้นคอ และกล้ามเนื้อใต้คาง) เกิดเป็นสันขึ้นมากั้นทางเดินเลือดดำ ก็จะเป็นการกีดขวางการไหล หรือ ระบายของเลือดดำส่งผลให้เลือดคั่ง และ เยื่อบุโพรงสมองบวม.…. ทั้งหมดนี้ เป็นเพียงสมมุติฐาน เพราะ สาเหตุของ Bell Palsy ยังไม่มีข้อสรุปทางการแพทย์ที่แน่ชัด… แต่ ในการตรวจรักษา หากมีการ นวด หรือ ฝังเข็ม หรือ ผ่อนคลายกล้ามเนื้อบริเวณต้นคอ(ที่ขวางกั้นการไหลของเลือด) เพื่อให้การไหลเวียนเลือด เป็นไปได้ดีขึ้น ช่วยเร่งการยุบบวมด้วย และ อาจจะส่งผลให้โรคหายเร็วขึ้น อีกทางหนึ่งครับ… ในทางกลับกัน การมีอาการเกร็ง และ ตึงบริเวณต้นคอ ก็อาจจะเป็นสาเหตุ นำมาซึ่ง การเกิดอัมพาตของเส้นประสาทสมองคู่ที่ 7 นี้ด้วยครับ