เป็นหวัด … จิบน้ำอุ่น ช่วยได้ไหม

-เรามักจะได้ยินบอกต่อๆ กันมาว่า เป็นหวัด หรือ ไอ ให้จิบน้ำอุ่น ไม่ให้กินน้ำเย็น มาดูข้อมูลทางการแพทย์ดูครับ

-มีการศึกษา โดยให้อาสาสมัคร 15 คน (ชาย 6 หญิง 9) ทำการวัด ปริมาณ สารคัดหลั่ง จากจมูก และ วัดแรงต้านการไหลของอากาศผ่านโพรงจมูก  เปรียบเทียบ ณ ก่อนเริ่มทดลอง 5 นาที และ 30 นาที หลังจาก ดื่มน้ำชนิดต่างๆ ปริมาณ 200 ซีซี  ในแต่ละวัน 6 วันติดต่อกัน โดยแบ่งเป็น น้ำอุ่น (65 องศาเซลเซียส) โดยการจิบ และ โดยใช้หลอดดูด น้ำซุปไก่อุ่นๆ (65 องศาเซลเซียส) โดยการจิบ และ โดยใช้หลอดดูด และน้ำเย็น (4 องศาเซลเซียส) โดยการจิบ และ โดยใช้หลอดดูด

-ในผลการศึกษา พบว่า ปริมาณ สารคัดหลั่งจากโพรงจมูก เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ เมื่อ จิบน้ำอุ่น  และ จิบน้ำซุปไก่อุ่นๆ ขณะที่ ไม่พบความแตกต่างในการจิบน้ำเย็น (ซึ่ง สารคัดหลั่ง ลดลงเล็กน้อย) แต่เมื่อใช้หลอดดูด ก็พบว่า การดูดน้ำอุ่น หรือน้ำเย็น ก็ไม่พบความแตกต่าง (ดูดน้ำอุ่นสารคัดหลั่ง เพิ่มเล็กน้อย ดูดน้ำเย็น ลดลงเล็กน้อย) แต่ การดูดซุปไก่ร้อนๆ ทำให้มีสารคัดหลั่งเพิ่มขึ้น แต่ก็ยังน้อยกว่า การจิบน้ำอุ่นๆ  ซึ่ง เชื่อว่าน่าจะเกิดการผลของกลิ่น ที่เมื่อดูด จะมีกลิ่นเข้าสู่โพรงจมูกได้ดี… ในการศึกษานี้ มองว่า การดูด น้ำกับ การจิบน้ำมีความแตกต่างกัน ที่ การสัมผัสของน้ำกับเยื่อบุในช่องปาก จะมีเวลาที่ น้ำสัมผัส นาน หรือ สั้น แตกต่างกัน

-ขณะที่ผลการศึกษา เรื่อง การต้านการไหลของอากาศในโพรงจมูก ไม่แตกต่างกัน นั่น คือ ไม่ช่วยให้ จมูกโล่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็น น้ำอุ่น หรือ น้ำเย็น

-ในการศึกษานี้ พบว่า หากจิบน้ำอุ่น จะทำให้ เกิดสารคัดหลั่ง มากขึ้น … น้ำมูกจะไม่เหนียวข้น  ซึ่ง เชื่อว่า น่าจะเกิดปฏิกิริยาแบบเดียวกัน คือ เสมหะ ไม่เหนียวข้น ดังนั้น จิบน้ำอุ่น จึงดีกับ คนที่เป็นหวัด หรือ ไอ ทำให้ไอออกง่ายขึ้น (ขับเสมหะ) หรือสั่งน้ำมูกง่ายขึ้น   ขณะที่น้ำเย็น จะทำให้น้ำมูกข้นขึ้น เสมหะข้นขึ้น ซึ่ง สั่งน้ำมูก หรือ ไอเอาเสมหะ ออกยากขึ้นครับ … การศึกษานี้ ทำมาตั้งแต่ ปี 1978 ซึ่ง อาจจะยังไม่ได้วัดละเอียดถึงปัจจัยอื่นๆ เช่นผลต่อ ระบบประสาทอัตโนมัติ หรือ การสั่งการในสมองครับ


เป็นหวัด … จิบน้ำอุ่น ช่วยได้ไหม