–การถูกเจาะเลือด หรือ แทงเส้นให้น้ำเกลือ เป็นสิ่งที่ได้ลุ้น ทั้งผู้ถูกเจาะ และ ผู้เจาะ .. โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับมือใหม่ (ผู้เจาะ) และ ผู้ถูกเจาะที่เป็น เด็กเล็ก คนที่ไม่ค่อยได้ออกกำลังกาย(ไม่มีเส้นเลือดดำใหญ่ๆให้เห็น) คนที่ได้รับ เคมีบำบัดมากก่อน และ คนแก่ … มักจะถูกเจาะเลือดหลายครั้ง หรือแทงเส้นหลายครั้งเพราะไม่สำเร็จ มีทั้งความรู้สึกเจ็บตัว และ กังวล
-เทคโนโลยี ใหม่ ที่มีการคิดค้นกันมามากกว่า 10 ปี และ ได้มีการศึกษาทดลองใช้ ในการช่วยให้มองเห็นเส้นเลือดดำชัดเจนยิ่งขึ้น ได้ถูกนำมาใช้จริง ในห้องเจาะเลือด ด้วยการส่องแสง Near Infrared (ย่านความถี่ 700-900 nm) ไปที่แขนผู้ป่วย จะทำให้มองเห็นเส้นเลือดดำของผู้ป่วย .. เทคโนโลยี นี้ อาศัยหลักการที่เลือดที่ไหลอยู่ในเส้นเลือดดำ จะดูดกลืนแสงสีแดง ทำให้แสงไม่สะท้อนกลับออกมา ขณะที่เนื้อเยื่อข้างๆ สะท้อนแสงกลับออกมา แต่ ก็ต้องทำให้เกิดแสงกระจายตัวให้ทั่วทั้งบริเวณในมุมที่ไม่กว้างมาก เพื่อให้แสงที่มีความถี่สม่ำเสมอ ตกที่ผิวหนังบริเวณที่จะเจาะเลือดหรือ ให้น้ำเกลือได้ทั่วถึง เท่าๆกัน ที่เครื่องมือจะมีกล้องจับวัดคล้ายกับเครื่อง อัลตราซาวด์น จากนั้น ก็ทำการฉายภาพของเส้นเลือด ลงบนผิวหนังของผู้ป่วย เพื่อช่วยในการเจาะเลือด… เทคโนโลยีนี้ จึงไม่ต้อง การใช้เครื่องมือพิเศษอื่น (เช่นไม่ต้องใส่แว่นตาพิเศษ หรือ กล้องถ่ายรูปเพื่อช่วยในการทำงาน นับว่าสะดวกมาก … และ แสงความถี่นี้ ก็ไม่มีอันตรายต่อร่างกาย เพราะเป็นแสงที่ปนอยู่ในแสงที่เรามองเห็นในชีวิตประจำวัน
-ได้มีการศึกษา การให้น้ำเกลือในเด็กเล็ก เปรียบเทียบกลุ่มที่ใช้แสง NIR กับกลุ่มที่ไม่ใช้เครื่องมือช่วย ในผู้ป่วยกลุ่มละ 30 ราย ที่ รพ Kaohsiung Chang Gung Children’s Hospital ในไต้หวัน ตั้งแต่ปี 2012 พบว่า กลุ่มที่ใช้ NIR ช่วยในการเจาะเลือด ใช้เวลาเฉลี่ยน้อยกว่า กลุ่มที่ไม่ใช้ (186 วินาที เทียบกับ 497 วินาที) และ ยังให้น้ำเกลือสำเร็จ ในการแทงเส้นครั้งแรก สูงถึง 56% ขณะที่กลุ่มปกติ สำเร็จเพียง 33% … ปัจจุบัน ในห้องเจาะเลือดตาม รพ ใหญ่ๆ ก็ใช้เครื่องมือนี้ ช่วยในการเจาะเลือดแล้วครับ
-และด้วยเทคโนโลยีนี้ จึงเริ่มมีการคิดประดิษฐ์ หุ่นยนต์ที่ช่วยในการเจาะเลือดขึ้นมาครับ เพราะ หุ่นยนต์สามารถถูกสอนให้มองเห็นและคำนวณตำแหน่งเส้นเลือด จากภาพของแสง NIR ได้ครับ
–ดีใจแทนผู้ป่วย และ ผู้ให้บริบาล ไม่ต้องลุ้นมากเหมือนเมื่อก่อนครับ