ล้างลำไส้ก็เหมือนกั้นรถ

-มีความเชื่อว่า เราควรจะมีการล้างลำไส้เป็นระยะ (Detox) ซึ่งที่จริงทางการแพทย์ เวลาจะต้องส่องกล้องตรวจลำไส้ใหญ่ ก็ต้องมีการล้างลำไส้ให้สะอาด เพื่อให้เวลาส่องกล้องจะได้ไม่ต้องมีอุจจาระมาบดบัง แต่การล้างลำไส้ในทางการแพทย์ เพื่อส่องกล้องตรวจ ใช้การกิน เพื่อล้างลำไส้ ไม่ได้ใช้การสวนล้าง แบบที่มีการปฏิบัติกันอย่างแพร่หลาย … อยากชวนมาทำความเข้าใจ เกี่ยวกับ การสวนล้างลำไส้กันครับ
-ปกติ ทางเดินอาหาร ก็เป็นช่องทาง ของอาหารตั้งแต่ กินเข้าไป จนกระทั่งขับถ่ายออกมา เป็นช่องทางที่ต่อเนื่องกัน จาก ปาก หลอดอาหาร กระเพาะอาหาร ลำไส้เล็กส่วนต้น ลำไส้เล็กส่วนปลาย ลำไส้ใหญ่ และ ทวารหนัก … แต่ละส่วน เมื่ออาหารผ่านไป ก็จะกระบวนการในการบริหารจัดการกับอาหารเหล่านั้น ตั้งแต่ การบดเคี้ยวให้เล็กลงที่ปาก บดย่อยและ เติมน้ำย่อยเพื่อสลายอาหารให้เป็นอนุขนาดเล็กที่กระเพาะอาหาร คลุกเคล้าอาหารกับน้ำดี และดูดซืมสารอาหาร เข้าสู่ร่างกาย ที่ลำไส้เล็ก และ การรวบรวมกากอาหารที่เหลือ เพื่อขับออกมาเป็นอุจจาระ ที่ลำไส้ใหญ่​ … ทั้งหมดนี้ เป็นเรื่องของธรรมชาติครับ … ถ้าเปรียบเทียบ ก็จะเหมือนถนน ที่รถวิ่งอยู่ มีจุดตั้งต้น และ ก็เคลื่อนที่ไปเรื่อยๆ ตามทาง และ มีจุดสิ้นสุด ถึงที่หมาย เป็นการเสร็จสิ้นภารกิจ
ทางเดินอาหาร จะเป็นช่องทางให้อาหารเคลื่อนผ่านได้ตลอดเวลา เมื่ออาหารเข้ามา ก็ต้องจัดการให้มันผ่านไป โดยที่ระยะเวลา ที่อาหารจะ แวะพัก อยู่ที่แต่ละสถานี ก็ขึ้นอยู่กับ ภารกิจที่มีที่สถานีนั้นๆ ว่ามากน้อยแค่ไหน โดยทั่วไป อาหารจะอยู่ที่หลอดอาหาร เป็นหลักวินาที อยู่ที่กระเพาะอาหาร 1-3 ชั่วโมง อยู่ที่ลำไส้เล็ก 7-9 ชั่วโมง และ พักอยู่ที่ลำไส้ใหญ่ ส่วนต้น ประมาณ 25 – 30 ชั่วโมง หรือ วันถึงวันครึ่ง และ อยู่ที่ลำไส้ใหญ่สวนปลาย ตั้งแต่ 5-120 ชั่วโมง โดยเฉลี่ยอยู่ที่ในลำไส้ใหญ่ทั้งหมด 3-5 วัน … ทั้งนี้ ถ้าเทียบกับ การขับรถยนต์บนท้องถนน ก็เหมือน การปล่อยรถ ที่ใน high way ก็จะเร็วหน่อย เมื่อเข้ามาในเมือง ก็รถติด ปล่อยรถให้ผ่านออกไปช้าหน่อย บางสี่แยก ก็รถติดนานมาก ขึ้นอยู่กับ ปัจจัยต่างๆมากมาย แต่โดยทั่วไป สุดท้าย รถก็วิ่งต่อไปได้ ไม่ค่อยมีสภาพที่รถจอดนิ่งอยู่แบบนั้น ไม่ขยับไปไหนเลย จะ ไปเร็วหรือ ไปช้า ก็ไปได้อยู่ดี … อาหารในลำไส้ก็เหมือนกัน จะเคลื่อนที่ไปเร็วหรือไปช้า ก็ไปได้อยู่ดี
-เราจึงมีอาหารอยู่ในทางเดินอาหารตลอดเวลา และ การมีภาวะอย่างนั้น ก็เป็นเรื่องของธรรมชาติ เป็นเรื่องปกติ ที่ไม่ได้มีอะไรเสียหาย หรือ มีอันตราย … เหมือนบนถนน ก็จะมีรถวิ่ง รถติด อยู่ได้ตลอดเวลา บางวัน รถก็วิ่งเร็วหน่อย ผ่านไปได้เร็ว บางวันก็ข้าหน่อย เหมือนบางวัน ก็ขับถ่ายดี บางวันก็ท้องผูก
-ความเชื่อเรื่อง การสวนล้างลำไส้ เกิดจากความเชื่อว่า หากกากอาหารที่เหลือจากการย่อยและการดูดซึม เมื่อค้างอยู่ในลำไส้ใหญ่ นานๆ จะเกิดของเสีย ที่เป็นพิษ และ ของเสียเหล่านั้นมีความเสี่ยงในการทำให้เกิดมะเร็ง จึงเชื่อว่าควรมีการสวนล้างลำไส้ เพื่อกำจัดของเสียออกไป… ความคิดนี้ ก็เหมือนรถติดครับ คิดว่า ถนนใจกลางเมืองที่รถติด มีควันพิษ มีฝุ่น PM 2.5 ซึ่งเป็นอันตราย จึงจะแก้ไขปัญหา โดยการเคลียร์ไม่ให้มีรถบนถนน … ซึ่งในสภาพความเป็นจริงของชีวิต ไม่เป็นเช่นนั้นครับ การล้างลำไส้ ก็เหมือน การกั้นรถ คือทำให้ถนนโล่ง แต่ จะเห็นว่า เมื่อกั้นเสร็จ รถรา ก็กลับมาเต็มถนนเหมือนเดิม … ลองคิดดูว่า จะได้ประโยชน์ไหมครับ ในเรื่อง ของการลดควันพิษ หรือ การลดฝุ่น PM 2.5 ถึงจะได้ผล ก็ได้เฉพาะช่วงเวลาสั้นมากๆ เท่านั้นเองใช่ไหมครับ… ในทางการแพทย์ การล้างลำไส้ มีเป้าหมายเพื่อ จะสามารถมองเห็นรายละเอียด เวลาส่องกล้องตรวจลำไส้ เหมือนการกั้นรถ มีประโยชน์ เพื่อให้การเดินทางตามภารกิจ รวดเร็ว ….การแก้ปัญหา เรื่องควันพิษ หรือ มะเร็ง จึงไม่ใช่การทำให้ถนนโล่ง เป็นครั้งคราว หรือ การทำให้ลำไส้โล่งเป็นครั้งคราวครับ
-วิธีที่ดีกว่านั้น คือ การทำยังไงไม่ให้ท้องผูก การขับถ่ายสามารถเป็นไปได้ตามรอบ ให้เวลาที่กากอาหารอยู่ในลำไส้ไม่นานจนเกินไป น่าจะเป็นทางเลือกที่ดีกว่า … ซึ่งทำได้โดย การดื่มน้ำให้เพียงพอ กินอาหารที่มีกาก ดื่มนมเปรี้ยว ไม่กลั้นอุจจาระ จัดเวลาให้นาฬิกาชีวิต มีเวลาเพียงพอสำหรับการขับถ่ายเป็นประจำทุกวัน … ส่วนเรื่องการป้องกันมะเร็งลำไส้ ที่ดี คือ การส่องกล้องตรวจลำไส้ตามข้อบ่งชี้ (อายุ 50 ปีขึ้นไป ถ้าตรวจปกติ ควรตรวจซ้ำทุก 5-10 ปี หากเคยมีติ่งเนื้อ ควรตรวจซ้ำทุก 3 ปี) เพราะ การพบสิ่งผิดปกติได้เร็ว จะรักษาได้ผลดีครับ
-สำไส้ใหญ่ เป็นทางเดินของกากอาหาร อย่างไรเสีย ก็มีกากอาหารอยู่ตลอด การสวนล้าง ไม่มีความจำเป็น ในกรณีที่สามารถขับถ่ายได้ปกติครับ


ล้างลำไส้ก็เหมือนกั้นรถ