-เรามักจะได้ยินว่า ทำบุญแล้วหน้าตาผ่องใส การเป็นผู้ให้ทำให้เบิกบาน … ทั้งที่มนุษย์เป็นสิ่งมีชีวิตที่ต้องการการอยู่รอด ปกติ การทำเพื่อตนเองน่าจะมีความสุขมากกว่า .. ความจริงทางวิทยาศาสตร์เป็นอย่างไร
-มีการศึกษา เปรียบเทียบคน 2 กลุ่ม กลุ่มทดลองที่เป็นผู้ให้ และ กลุ่มควบคุม ที่ทำเพื่อตัวเอง โดยศึกษาตรวจวัดคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าสมอง(fMRI) ดูการทำงานของสมองส่วนต่างๆ ก่อนทำการศึกษา และ นำมาตรวจวัดอีกครั้งหลังการศึกษาครบ 4 สัปดาห์ โดยอาสาสมัครทั้ง 2 กลุ่ม จะได้รับเงินคนละ 25 Swiss francs ต่อสัปดาห์ (มูลค่าประมาณ 25×36 = 900 บาท) มีข้อแม้ว่า กลุ่มแรก ผู้ให้ จะนำเงินนั้นใช้ในการซื้อของให้คนอื่นเท่านั้น ขณะที่กลุ่มที่ควบคุมให้ซื้อของให้ตนเองเท่านั้น…. เมื่อครบ 4 สัปดาห์ จะให้ผู้รับการศึกษา เข้าเครื่อง ตรวจวัดคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าสมอง ขณะทำแบบทดสอบ โดยให้เลือกคนที่ตัวเองอยากจะให้ของ โดยแบบทดสอบแต่ละคำถาม จะมีการบอกว่า มีของ 1 ชิ้น (ซึ่งมีมูลค่าตั้งแต่ 3 Swiss francs จนถึง 25 Swiss francs) และบอกว่าให้ใคร (ตนเอง หรือ ให้คนที่ตัวเองเลือกไว้) ผู้รับการศึกษาจะตอบว่า ให้ หรือ ไม่ให้ โดยมีเวลาในการตัดสินใจ 4 วินาที โดยประเมินพฤติกรรมการให้เป็นคะแนน เทียบกับ การทำงานและตัดสินใจของสมองว่ามีประสิทธิภาพเพียงใด เชื่อมกับ สมองส่วนความสุขมากน้อยแค่ไหน
-ผลการศึกษา พบว่า สมองส่วนที่ต้องใช้เวลาในการตัดสินใจ และ การทำงานของสมองโดยรวม ดีขึ้นในกลุ่มตัวอย่าง ที่ศึกษา (กลุ่มที่ให้ผู้อื่นเป็นประจำ) สมองทำงานได้รวดเร็ว ง่าย และมีความสุข มากกว่า กลุ่มที่ซื้อของให้ตัวเองมาตลอด 4 สัปดาห์ อย่างมีนัยสำคัญ ซึ่ง ตรงกับแบบสอบถามผู้ร่วมการศึกษาว่ามีความสุขมากน้อยแค่ไหน กลุ่มที่ให้คนอื่นเป็นประจำ ก็ตอบว่า มีความสุขในความถี่ที่มากกว่า
-ความสุขจากการให้ เป็นจริง วัดได้ทางวิทยาศาสตร์ และ สร้างความสุขนี้ได้ ได้จาก…การให้….เป็นประจำ สม่ำเสมอ … คนไทย ในอดีต เราจึงมีสังคมที่เป็นสุข เพราะ เราถูกสอนให้ ใส่บาตร ตั้งแต่ยังเด็ก มีความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่… มาช่วยกันสร้างสังคมที่มีความสุขกันนะครับ ฝึกฝนการให้เป็นประจำ จนเป็นนิสัย แล้ว ชีวิตจะมีความสุข .. ไม่จำเป็นต้องเป็นของชิ้นใหญ่ หรือ เงินทองมากมายครับ แต่ ฝึกการให้เป็นประจำ ดีต่อจิตใจของเราครับ สมองเรายังทำงานดีขึ้นอีกด้วยครับ