ดู หรือ อ่าน ในที่มืด ทำให้ปวดหัว ปวดตา

-ทุกวันนี้ เราใช้กล้องถ่ายรูป มี mode หน้าชัดหลังเบลอ แล้วรู้สึกว่าภาพสวยดี … ในชีวิตจริง เวลามองในที่มืด ก็เป็นแบบเดียวกันครับ คือ บริเวณที่มองเห็นชัด เป็นช่วงแคบ ๆ (ไม่ได้เห็นทุกส่วนทั้ง ใกล้ และ ไกลชัดเจนหมด) จะเห็นชัดเฉพาะบางบริเวณ และ หากจะมองให้ชัดจะต้องมีการปรับเพ่งสายตา

-คนที่ถ่ายรูป จะเข้าใจเรื่องนี้ดี เกี่ยวกับ หน้าชัดหลังเบลอ ซึ่ง มีศัพท์ เทคนิคว่า Depth of field หรือ ภาษาไทย เรียกว่า ความชัดลึก … ในที่ ๆ แสงน้อย หากเราจะต้องการมองภาพให้ชัด จะต้อง ปรับขยาย รูม่านตา(iris) หรือ ในกล้องถ่ายรูป ก็คือ aperture หรือช่องแสง ให้กว้างขึ้น เพื่อให้มีแสงเข้าไปมากขึ้น … ผลที่ตามมาจาก ภาวะ ม่านตาที่ขยายกว้าง เวลามองในที่มืด คือ ความชัดลึก ลดลง จะสามารถมองเห็นชัดได้เฉพาะบางบริเวณเท่านั้น เกิดลักษณะ หน้าชัดหลังเบลอ หรือ หลังชัดหน้าเบลอ … ไม่เหมือน ที่เวลาเรามองในที่ ๆ แสงเพียงพอ เราจะเห็นชัดเป็นบริเวณกว้าง (depth of field กว้าง) เพราะ รูม่านตา เล็กลง เห็นชัดในทุกระยะ…. ดังนั้น การอ่าน หรือ ดู ในที่ ๆ แสงเพียงพอ รูม่านตาจะหดเล็ก เห็นภาพชัดกว่า การดูในที่มืด

-เมื่อมีความชัดลึก เป็นแค่บริเวณแคบ ๆ การดู หรือ อ่าน ในที่มืด จึงต้องพยายาม ทำให้ บริเวณที่เรากำลังสนใจดู ชัดขึ้นถ้าหาก บริเวณที่เราดู ไม่อยู่ในตำแหน่ง focus ก็จะไม่ชัด จึงต้องมีการปรับร่างกายเพื่อให้ บริเวณที่เราดู อยู่ใน focus พอดี ซึ่ง การปรับตรงนี้ ทำได้ 2 อย่าง คือ 1)ปรับตำแหน่ง ระยะระหว่าง ตา กับวัตถุ โดยการเกร็งคอ หรือ ศีรษะ ให้เข้าไปใกล้วัตถุที่ดู หรือ ใช้แขน และ มือ ยกวัตถุที่ดูให้เข้ามาอยู่ในตำแหน่งที่พอดี และ 2) ใช้กล้ามเนื้อตา ปรับ ความโค้งของเลนส์ตา ให้ โค้งเพิ่มขึ้น เพื่อให้ การหักเหแสง มี focus ที่พอดี … หรือ อาจจะต้องทำทั้ง 2 อย่าง

การปรับศีรษะ ให้ระยะพอดี หรือ การยกวัตถุ ให้เข้ามาอยู่ในระยะพอดี เป็นการใช้กล้ามเนื้อ คอ บ่า ไหล่ ซึ่ง การรักษาระยะให้คงที่ สำหรับการดูในที่มืด จำเป็นต้อง เกร็งกล้ามเนื้อค่อนข้างมาก เพราะ ความชัดลึกมีน้อยมาก หากเคลื่อนที่ออกไปจากจุดเพียงเล้กน้อย ก็จะไม่ชัด ดังนั้น กล้ามเนื้อ คอ บ่า ไหล่ จึงต้อง เกร็งตลอดเวลา  ทำให้เกิดการบาดเจ็บ และ ปวดเมื่อยได้

-ส่วนการปรับความโค้งของเลนส์ตา ให้พอดี เพื่อให้แสงตกลงจุดที่เป็น focus จะมีการบีบตัว เป็นวง ของ กล้ามเนื้อในลูกตา รัดตัวเลนส์ ให้โป่งขึ้น ซึ่ง การบีบตัวนี้ ใช้ การควบคุมจาก ประสาทสมองคู่ที่ 3 ซึ่งจะควบคุมกล้ามเนื้อในกระบอกตา และ กล้ามเนื้อคิ้ว กล้ามเนื้อหลังศีรษะด้วย เป็นเส้นเดียวกัน ต่อเนื่องกัน … เวลาระบบประสาท กระตุ้น ให้กล้ามเนื้อเล็ก ๆในลูกตาหดรัดตัว กล้ามเนื้ออื่น ๆ ทั้งกระบอกตา และ ท้ายทอย ก็จะถูกกระตุ้น ให้หดรัดตัวไปพร้อม ๆ กันด้วย … เมื่อต้อง เกร็ง หรือ เพ่ง เป็นเวลานาน ๆ กล้ามเนื้อในลูกตา ก็อ่อนล้า กล้ามเนื้อรอบตาก็อ่อนล้าด้วย จึงเกิดอาการปวดกระบอกตา และ ในลูกตา หรือ บางครั้ง ก็ปวดมาที่ท้ายทอยด้วย

-จะเห็นว่า การอ่าน หรือ ดูในที่มืด นาน ๆ ครั้ง ร่างกายก็ปรับตัว หรือ ชดเชยได้ แต่ถ้าต้อง อ่าน หรือ ดู นาน ๆ ย่อมเกิดผลเสียงกับ กล้ามเนื้อในลูกตา กระบอกตา ท้ายทอย คอ บ่า ไหล่ ตามมาด้วย เป็นชุดใหญ่ … ไม่ควรอ่านหนังสือในที่มืดนานๆ นะครับ … ด้วยความเป็นห่วงครับ


ดู หรือ อ่าน ในที่มืด ทำให้ปวดหัว ปวดตา